คุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้พูดถึงสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนเอาไว้ว่า สงครามครั้งนี้จะอยู่กับเราไปอีกระยะหนึ่งอย่างแน่นอน แม้ว่าสงครามจะจบด้วยการถอนกองกำลัง แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะกลับไปเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยที่สุดเช่นเดียวกัน หากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อต่อไป มองว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างน่ากังวล
ซึ่งทั้งโลกควรเผื่อมาตรการเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตามทั้งยูเครนและรัสเซียถือเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารที่สำคัญซึ่งมีหลายประเทศที่ต้องพึ่งพาอาหารจากทั้งสองประเทศนี้ อย่างเช่นประเทศเลบานอนที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวสาลีจากประเทศยูเครนมากถึง 90 % ในขณะที่ต้นทุนราคาข้าวสาลีก็เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ขณะที่ผลกระทบที่เกิดกับประเทศไทยก็คือประเทศไทยได้นำเข้าปุ๋ยเคมีจากประเทศรัสเซียมากถึง 10 % ส่วนยูเครนก็เป็นประเทศส่งออกก๊าซที่ใช้ผลิตแอมโมเนียซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ทำปุ๋ย ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและชาวนาไทยเป็นอย่างมาก
การตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่รัฐบาลทำอยู่ในขณะมีส่วนทำให้ไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพราะการที่รัฐบาลกู้เงินเพื่อช่วยรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซล หากทำยุทธศาสตร์แบบนี้ต่อไปทำให้งบประมาณที่มีค่อย ๆ ลดลง การที่ราคาน้ำมันในประเทศไทยเพิ่มขึ้น แน่นอนว่ามีผลกระทบต่อคนไทยทุกคน โดยเฉพาะคนรายได้น้อยที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มจนแทบชักหน้าไม่ถึงหลัง ซึ่งหากมองในอีกมิติหนึ่ง น้ำมันที่ถูกใช้ในประเทศส่วนใหญ่ถูกใช้โดยคนระดับปานกลางถึงบน ซึ่งอาจได้รับความเดือดร้อนน้อยกว่า เป็นคำถามน่าคิดว่าการที่รัฐบาลพยายามตรึงราคาน้ำมัน เป็นการช่วยคนรวยมากกว่าคนที่เดือดร้อนหรือไม่
สำหรับความหวังประเทศไทยในเวลานี้ สิ่งที่ประเทศไทยต้องทำทันทีคือการปรับโครงสร้างให้มีความทันสมัยมากขึ้นและเราปฏิเสธความสำคัญของเทคโนโลยีไม่ได้เลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคริปโต เมตาเวิร์ส หรืออีกหลาย ๆ อย่างที่หากเราเร่งพัฒนาจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบและเสียโอกาสมากมาย