ฟองสบู่ Tulip รากเหง้าวิกฤตการเงิน TAM-EIG 3 years ago ฟองสบู่ Tulip รากเง้าวิกฤตการเงิน_YOUTUBE อย่าลืม Subcribe จะได้ไม่พลาดFacebook | Youtube | Line | Website *สัมภาษณ์วันที่ 4 กันยายน 2564 ประวัติศาสตร์ฟองสบู่ Tulip เริ่มขึ้นในยุครุ่งเรื่องของอัมสเตอร์ดัม มีการซื้อขายหัวทิวลิปสายพันธุ์ Semper Augustus เป็นสายพันธุ์พิเศษที่หายาก เนื่องจากดอกจะมีลักษณะเป็นด่างจากไวรัส ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่ำรวยในขณะนั้น แต่การจะซื้อขายได้มีความพิเศษคือ ต้องรอให้ดอกเหี่ยวก่อนจึงจะเกิดหัวทิวลิปซึ่งเป็นส่วนที่คนนำมาซื้อขาย ดังนั้น จึงต้องมีการเซ็นสัญญาและวางเงินมัดจำไว้ เป็นจุดกำเนิดของ ‘Futures Contract’ ขึ้น ต่อมามีเศรษฐีหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมายจากความรุ่งเรื่องในสมัยนั้น คนสนใจซื้อหัวดอกทิวลิปมากขึ้น เกิดการขายสัญญาต่อไปเรื่อย ๆ โดยที่ยังไม่ได้รับหิวทิวลิป จนกระทั่งในปี 1637 หัวทิวลิป Semper Augustus ราคาแพงมาก จนหนึ่งหัวสามารถซื้อถนนได้ทั้งถนน และมีการซื้อขายเก็งกำไรมากขึ้นจนในที่สุดเกิดเป็นตลาด Futures ExchangesTrigger ที่ทำให้ราคาหัวดอกทิวลิปร่วงหนัก แต่เดิมการเซ็นสัญญาต้องวางเงินมัดจำไว้เต็มจำนวนก่อนมีการส่งมอบ แต่ต่อมา ได้มีการตั้งเป็นกลุ่มเฉพาะที่ดูแลการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าหัวทิวลิป และได้มีการเปลี่ยนเป็นการจ่ายเงินมัดจำเหลือแค่ 2.5% ส่วนที่เหลือจะจ่ายตอนมีการส่งมอบแล้ว ซึ่งทำให้ Risk Reward Ratio เปลี่ยนไป นั่นคือจ่ายเงินนิดเดียว แต่สามารถทำกำไรจำนวนมากได้ทันที ต่อมาก็เริ่มมีการให้กู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ ปั่นราคากันเองเพื่อทำให้ราคาสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงจุดที่ Demand เริ่มชะลอตัว เพราะราคาขึ้นสูงเกินไป และเนื่องจากในตลาด หลายคนนำเงินจากการกู้ยืมมาใช้ซื้อสัญญาล่วงหน้า เมื่อ demand ชะลอตัว ทำให้ผู้ขายต้องยอมขายขาดทุนเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ ทำให้ราคาลดลงอย่างรวดเร็ว และเริ่มเกิดความไม่มั่นใจในตลาด จนสุดท้ายก็พังทั้งตลาดทำไม Bitcoin ถึงไม่เหมือนวิกฤตทิวลิปสิ่งที่เหมือนระหว่าง Bitcoin กับทิวลิปคือ การที่คนซื้อแล้วคาดหวังว่าจะขายได้ในราคาสูงขึ้นเพื่อทำกำไร แต่มีสิ่งที่แตกต่างกันอยู่ ได้แก่ 1) Risk Reward Ratio Risk Reward Ratio ของดอกทิวลิปในสมัยนั้นมีความไม่สมเหตุสมผล คือใช้เงินลงทุนเพียงนิดเดียว แต่สามารถทำกำไรเยอะ และทำกำไรได้ในทันที ขณะที่ Bitcoin มีความสมเหตุสมผลมากกว่า 2) การกู้มาเทรด (Leverage) มีการก่อหนี้จำนวนมากเพื่อนำเงินมาซื้อขายสัญญาและหัวดอกทิวลิป ในขณะที่ Bitcoin มีน้อยกว่า3) ตลาด Tulip Futures ไม่มีมาตรฐานและความโปร่งใส 4) การใช้งานได้จริง (Utility) ดอกทิวลิปมีเพียงความสวยงามและแสดงถึงความมีฐานะ ในขณะที่ Bitcoin สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งความต่างเหล่านี้เป็นกลไกที่ส่งเสริมให้เกิดวิกฤตฟองสบู่ทิวลิปในอดีต และเป็นรากเหง้าของวิกฤตการเงินในปัจจุบัน #ถามทันที | ฟองสบู่ Tulip รากเหง้าวิกฤตการเงินถามอีก กับ อาจารย์.ตั๊ม พิริยะ สัมพันธารักษ์ Managing Director, Chaloke Dot Comโดย อิก บรรพต ธนาเพิ่มสุข, AFPTคุยอะไรกันบ้าง?1:31 เริ่มกันเลย2:21 ประวัติศาสตร์ฟองสบู่ Tulip 22:35 จุด Trigger ที่ทำให้ราคาร่วงหนัก26:57 ฟองสบู่ทิวลิปเหมือนวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ? 31:12 ฟองสบู่ทิวลิปแตกต่างจาก Bitcoin ยังไง 37:03 Tulip Futures 44:26 Open Interest 52:52 การขุดและ Stake ต่างกับ QE ของรัฐบาลอย่างไร 55:38 การ Stake ใกล้เคียงกับการผลิตเงินของธนาคาร 58:42 Fork Bitcoin เดือน พ.ย. ทำอะไร 1:05:14 Jack Dorsey จะทำ Social Media บน Bitcoin 1:09:17 ถ้า Upgrade ของ Bitcoin สำเร็จแล้วราคาจะเป็นยังไง ? 1:14:22 ทิ้งท้าย ฝากติดตาม #TamEigPodcast ฟังแบบเนื้อ ๆ ไม่มีเม้นท์ ได้ที่ Podcastถามอีกกับอิก TE 294 | เมกะเทรนด์ใหญ่ พลังงานสะอาดแห่งอาเซียนถ้ามีประโยชน์และชื่นชอบ อย่าลืม subscribe และให้ดาวนะคร้าบคลิกเพื่อฟังทาง Apple podcastคลิกเพื่อฟังทาง Soundcloudคลิกเพื่อฟังทาง Spotifyคลิกเพื่อฟังทาง Google podcast Apple Soundcloud Spotify Google-plus ถามอีก กับอิก Tam-Eig · ถามอีกกับอิก TE 295 | ฟองสบู่ Tulip รากเหง้าวิกฤตการเงิน