Jeff Gundlach นักลงทุนระดับโลก และ CIO The DoubleLine Capital แนะนำนักลงทุนให้ติตดามตลาดตราสารหนี้หากอยากรู้ว่า FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปสิ้นสุดที่ระดับไหนในปีนี้
หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ต่ำกว่า 5% เป็นตัวบ่งชี้ว่า FED จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้
“จากประสบการณ์ด้านการเงินกว่า 40 ปี ผมแนะนำอย่างยิ่งว่า นักลงทุนควรพิจารณาสิ่งที่ตลาดพูดมากกว่าสิ่งที่ FED พูด”
Mary Daly ประธาน FED ในซานฟรานซิสโก และ Raphael Bostic ประธาน FED ในแอตแลนตากล่าวว่า FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ในระดับมากกว่า 5% และจะค้างไว้ที่ระดับนั้น เพื่อจัดการเงินเฟ้อให้อยู่
แต่ตลาดไม่คิดเช่นนั้น เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า FED จะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปถึงระดับ 5% ภายในสิ้นปี 2023 นี้ (ข้อมูลจาก CME Group FedWatch tool)
ล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี อยู่ที่ 4.241% บ่งชี้ว่านักลงทุนมองว่า FED จะลดดอกเบี้ยลง
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED กระทบตลาดหุ้นอย่างมากในปีที่ผ่านมา ดัชนี benchmark ที่สำคัญของสหรัฐฯติดลบ เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินมูลค่าโดยรวมสูงขึ้น ทำให้มีผลต่อกระแสเงินสดและมีผลต่อ valuation ในอนาคตของบริษัท
ปี 2022 พันธบัตรทั่วโลกเข้าสู่ภาวะตลาดหมีเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี
การฝากเงินสดไว้ในบัญชีออมทรัพย์ทำให้นักลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีได้ และส่งผลให้สินทรัพย์อย่างตราสารหนี้มีความน่าสนใจน้อยลง
แต่ Gundlach ผู้ถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งใน “ราชาแห่งพันธบัตร” ของ Wall Street คาดว่า ตราสารหนี้จะกลับมาดีขึ้นในปี 2023 เพราะเขามองว่า FED จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพื่อหยุดไม่ให้เศรษฐกิจเข้าสู่ถาวะถดถอย
เขากล่าวอีกว่า นักลงทุนควรจัดพอร์ตที่มีสัดส่วนของตราสารหนี้ 60% และ หุ้น 40% แทนที่จะเป็น หุ้น 60% และตราสารหนี้ 40% ซึ่งเป็นการจัดพอร์ตแบบเดิมที่นักลงทุนชื่นชอบ จนกระทั่งอัตราดอกเบี้ยที่สูงได้ทำลายสินทรัพย์ทั้งสองในปี 2022
“นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้น และตราสารหนี้ ต่างสิ้นหวัง โดยมองว่า FED ขึ้นดอกเบี้ยช้าไป และเรารู้ดีว่ากำลังไปเจอกับอะไร”
“และตอนนี้ตลาดตราสารหนี้น่าสนใจกว่ามาก”
เขากล่าว