Larry Summers อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเตือน วิกฤตการณ์ทางการเงินแบบปี 1970 อาจเกิดขึ้น หาก FED ละทิ้งเป้าหมายเงินเฟ้อ
วิกฤตการณ์ทางการเงินแบบปี 1970 อาจเกิดขึ้น หาก FED ละทิ้งเป้าหมายเงินเฟ้อและปล่อยให้ตัวเลขเงินเฟ้อสูงขึ้น
เนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์บางคนมองว่า FED ควรปรับเป้าหายเงินเฟ้อจากระดับเป้าหมาย 2% เป็น 3-4%
“การยอมปรับเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นความผิดพลาดและมีราคาที่ต้องจ่าย เพราะท้ายสุดแล้วมันจะส่งผลทางลบต่อเศรษฐกิจเหมือนที่เคยเกิดในปี 1970”เขาอ้างถึงวิกฤตเงินเฟ้อที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ FED ใช้มาตราการรัดเข็มขัด นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงในช่วงต้นทศวรรษ 1980
นักเศรษฐศาสตร์คนอื่น ๆ ก็ได้เตือนว่า สหรัฐฯอาจเสี่ยงต่อวิกฤตหากไม่สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้
นั่นเป็นเพราะธนาคารกลางได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง แต่เงินเฟ้อเดือนธันวาคมที่ประกาศออกมาที่ 6.5% ก็ยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมายของ FED
ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยก็ใกล้ถึงระดับที่อาจทำให้เศรษฐกิจตึงตัวจนเข้าสู่ภาวะตกต่ำได้
Mohamed El Erian หนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์ผู้เสนอว่า FED อาจต้องปรับเป้าหมายระดับเงินเฟ้อเป็น 3%-4%
แต่ FED ย้ำความมุ่งมั่นต่อเป้าหมายที่ระดับเดิม 2% นั่นอาจเป็นเพราะธนาคารกลางพยายามรักษาอำนาจที่จะควบคุมเงินเฟ้อหลังจากการคาดการณ์ที่ผิดพลาดว่าเงินเฟ้อจะสูงแค่ชั่วคราวในปี 2021
Summers มองว่า หากปรับเป้าหมายเงินเฟ้อให้สูงขึ้น จะเป็นข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงของ FED การไม่บรรลุเป้าหมาย 2% และการละทิ้งเป้าหมายจะสร้างความเสียหายต่อ FED อย่างมากโดยเฉพาะต่อความน่าเชื่อถือ และกระทบต่อเศรษฐกิจที่อาจทำให้เกิดภาวะถดถอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
Summers ปรับมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจของเขาหลายครั้ง และเมื่อเร็วๆ นี้เขากล่าวว่า เขาเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ว่า FED จะควบคุมเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐจะค่อย ๆ ลดความร้อนแรงลงแบบ Soft Landing แม้ก่อนหน้านี้จะมีการเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น
เขาประเมินความเป็นไปได้ของภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกครั้งเนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ในระดับปานกลาง โดยดัชนีราคาผู้บริโภคลดลงกว่า 250 จุดจากระดับสูงสุดในรอบ 41 ปีที่เคยเกิดขึ้นใน ปี 2022