*สัมภาษณ์ ณ วันที่ 21 มีนาคม 2565
พี่เอ๋ คุณธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้พูดถึงการที่ธนาคารไทย 4 แห่งถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือเอาไว้ว่า ประเด็นใหม่ที่เข้ามาก็คือเรื่องของประเทศยูเครน เพราะหนี้ครัวเรือนในประเทศไทยปกติมีการเพิ่มขึ้นทุกปีอยู่แล้ว แต่ที่เปอร์เซ็นต์ปรับเพิ่มขึ้นเยอะนั้น มาจากช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่เติบโต อีกเรื่องหนึ่งก็คือลูกหนี้หรือ NPL Ratios ที่หากขึ้นไปถึง 5 % จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่วนเรื่องของการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว ส่วนหนึ่งมาจากความตึงเครียดระหว่างประเทศรัสเซียกับประเทศยูเครน ดังนั้น หากมาดูดี ๆ แล้วก่อนที่จะมีการปรับลดความน่าเชื่อถือ แนวโน้มภาพรวมก็เป็นเชิงลบอยู่แล้ว
หุ้นกลุ่มธนาคารถือว่ามีการปรับตัวลดลงมาตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 10 % ที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือหุ้น SCB เพราะเป็นหุ้นที่คนส่วนใหญ่คาดหวังเอาไว้สูง และหุ้นตัวอื่นก็มีการปรับฐานมาร่วมเดือนเศษ ๆ แล้วภายหลังจากที่มีงบการเงินออกมา แต่เมื่อมองตามปัจจัยพื้นฐานแล้ว หากไม่รวมผลกระทบจากกรณีระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยภาพรวมแล้วถือว่ายังดูดีอยู่
พี่ลอง คุณธีรศักดิ์ ธนวรากุล รองผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. CGS-CIMB (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคในส่วนของหุ้นกลุ่มธนาคารเอาไว้ว่า ในฝั่งของหุ้น Kbank นั้น จะเห็นได้ว่าแนวโน้มมีลักษณะของการฟื้นตัว ในช่วงที่แนวโน้มภาพรวมยังคงเป็นขาลงอยู่ ราคาแนวต้านสำคัญจะอยู่ที่ราคา 180 บาท ในขณะที่แนวรับสำคัญในระยะกลางอยู่ที่ 150 บาท ซึ่งเป็นแนวต้านเดิมในอดีต ส่วนหุ้น SCB มีความน่าสนใจกว่าหุ้น Kbank ในระยะสั้น ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น SCB จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์กับเดือนเมษายนอย่างมีนัยสำคัญ มีความเป็นไปได้ว่าหุ้น SCB มีโอกาสฟื้นตัวแรงในระยะสั้น จุดที่น่าซื้อก็คือบริเวณราคาที่ 108-110 บาท
ส่วนกราฟหุ้น KTB นั้น ในระยะสั้นมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะทำรีบาวด์กลับมาอีกครั้งได้ ความเสี่ยงก็คือในช่วงหลังเมษายน หลังจากที่มีการออกงบการเงินในช่วงไตรมาส 1 นั้น ราคาหุ้นทรงตัวไม่ดีนัก เนื่องจากหุ้น KTB อาจมีการจ่ายเงินปันผลค่อนข้างเยอะพอสมควร ส่วนหุ้น TTB ราคาหุ้นย้อนหลังในอดีตในช่วงเดือนมีนาคม ไม่ใช่เดือนที่ดีของหุ้นตัวนี้ แม้จะมีการดีดปรับเพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังคงมีแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่อง แนะควรหลีกเลี่ยงในการเข้าไปซื้อ เพราะยังไม่เห็นแนวโน้มที่จะมีการฟื้นตัวใหญ่ ๆ หรือมีนัยสำคัญ
