สถานการณ์ รัสเซีย-ยูเครน จบจริงหรือสับขาหลอก?

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด มหาชน ได้พูดถึงสถานการณ์แนวโน้มการที่ตลาดทุนเริ่มมีการฟื้นตัวเอาไว้ว่า ทุกครั้งที่จะมีการบุกหรือการดำเนินการอะไรต่าง ๆ ตลาดจะดำเนินการผันผวนตลอดเวลา และเตรียมพร้อมที่จะปรับตัวลดลง อย่างเช่นดัชนี DJIA อาจมีการเตรียมตัวลงประมาณ 800 จุด และพอลงมาแล้วจะเห็นตลาดเริ่มทรงตัวเป็นเวลานาน จนกระทั่งถึงตี 2 ของเมื่อคืนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการแถลงข่าวของคุณไบเดนทำให้ตลาดมีการจับตามองว่าคุณไบเดนจะพูดว่าคุณปูตินมีการบุกเข้าไปจริง ๆ พร้อมกับมีการยกระดับเรียบร้อยแล้ว และจะมีการส่งกำลังไปบุกสมทบด้วยหรือไม่  แต่หลังจากที่ได้ฟังคุณไบเดนพูดมาตลอดแล้วนั้น สิ่งที่ชัดเจนก็คือ คุณไบเดนจะไม่มีการส่งทหารเข้าไปยูเครน เพราะหากมีการยิงทหารอเมริกา เมื่อนั้นจะเกิดความขัดแย้งครั้งยิ่งใหญ่และไม่สามารถควบคุมได้

สำหรับความขัดแย้งระหว่างองค์กร NATO กับรัสเซียนั้น เชื่อว่าทุกฝ่ายมีการขีดเส้นแบ่งกันชัดเจนแล้วว่า จะไม่มีการกระทบกระทั่งกัน คำถามก็คืออมีเหตุผลอะไรที่ประเทศอเมริกาถึงต้องรบกับประเทศรัสเซียเพื่อประเทศเล็ก ๆ อย่างยูเครนจนทำให้เกิดปัญหาตามมา หรือเป็นเพราะจีนรอดูอยู่ข้าง ๆ หรือไม่ แต่ทั้งอเมริกาและจีนก็ยืนยัรแล้วว่า จะไม่ทำให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ดังนั้น การใช้กำลังทหารเข้าไปที่ประเทศยูเครนนั้น ตัดทิ้งไปได้เลย

ทิศทางการเดินเกมในแต่ละประเทศ ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า เหลือเพียงแค่ยูเครนกับรัสเซียสองประเทศเท่านั้น เนื่องจากหลายประเทศตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีการเข้าไปช่วยเหลือ หมายความว่า การเดินหมากครั้งต่อไปจะเป็นการเผชิญหน้าระหว่างประเทศยูเครนกับประเทศรัสเซียเท่านั้น เชื่อว่าสงครามครั้งนี้จะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากความสามารถในการต่อสู้และกองกำลังที่ขนาดต่างกันระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งหากสงครามจบแล้ว จะต้องมาดูว่าจะมีการยึดครองประเทศยูเครนหรือจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในยูเครนหรือไม่ และที่แน่นอนคือ จะมีการปลดระวางอาวุธของกองทัพยูเครนออกไป เพื่อความสบายใจของรัสเซีย ส่วนสหรัฐฯกับยุโรปก็อาจมีการดำเนินมาตรการลงโทษ(Sanction)ต่อไป ดังนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าผู้นำในแต่ละประเทศจะกำหนดทิศทางให้เป็นอย่างไรต่อไป 

ส่วนผลกระทบเศรษฐกิจไทยในสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้น สิ่งที่เราเผชิญอยู่ ณ ตอนนี้ก็คือ ไทยมีการติดต่อค้าขายกับประเทศยูเครนในสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศรัสเซีย เพราะไทยมีความสัมพันธ์กับรัสเซียในแง่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาทุกปี ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์ การมีปฏิสัมพันธ์กับต่างประเทศจะช่วยให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวมากขึ้น

มองว่าถ้าโลกสามารถก้าวข้ามความตกใจของสงครามจะสามารถกลับมาอยู่ที่เดิมได้ในเวลาไม่นาน ซึ่งก็เห็นได้จากการที่ราคาทองคำ ราคาน้ำมันเริ่มกลับมาที่ $100 รวมไปถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่เริ่มกลับมาที่เดิมอีกครั้ง