#ลงทุนนอกโลก โดยเพจ #ถามอีกกับอิก
ช่วงนี้ให้ความรู้กันรัว ๆ มากครับ ยาวมากแต่อ่านแล้วช่วยเสริมมุมมองและจะเข้าใจเลยว่าทำไมเฮีย ถึงทำผลตอบแทนได้ดีเสมอมา
ไปลุยอ่านกันเลยครับ
ปล.ถ้าชอบเนื้อหาของ เพจ “ถามอีก กับอิก” ฝากกด Like กด share และกด See First จะได้ไม่พลาดทุกข้อมูลที่พวกเราตั้งใจทำให้ครับ
================
มาลุยภาพรวมกันก่อนครับ
1. “ผมเชื่อว่า อนาคตจะแตกต่างจากช่วงเวลาที่เราเคยผ่านในอดีต จะไม่มีวันเหมือนเดิมแล้วถึงแม้ว่าจะมีส่วนที่คล้ายกับประวัติศาสตร์อยู่บ้าง” เฮีย Ray Dalio เกริ่นมาซะน่าสนใจเชียวครับ
2. สิ่งที่ คุณ Ray มองเห็นว่ามันกำลังมาบรรจบกันพอดิบพอดี มีอยู่ สาม เรื่องด้วยครับ
เรื่องแรก คือ ภาวะที่ภาระหนี้สินเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด ๆ ทำให้เป็นข้อจำกัดความสามารถของธนาคารกลางในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยลง
เรื่องที่สอง คือ ความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่ง และการเมือง ในประเทศ (กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศ)
เรื่องที่สาม คือ การท้าทายความเป็นมหาอำนาจโลกของจีนที่กำลังท้าชิง มหาอำนาจกับสหรัฐ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย
3. เหตุการณ์ตอนนี้คล้ายกับช่วงปี 1930-1945 มากๆ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เฮีย Ray กังวลครับ
4. “ผมได้ศึกษาประวัติศาสตร์แล้ว ผมเห็นว่าเหตุการณ์ที่มาบรรจบกันแบบนี้ มักจะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านกินเวลาประมาณ 10-20 ปี” และเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ของทั้งเศรษฐกิจและการเมืองที่ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นทุก ๆ 50-100 ปี
5. เฮีย อธิบายต่อว่า ทุกๆครั้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของวัฏจักรครั้งใหญ่จะเกิดการเปลี่ยนไป เปลี่ยนมาหลายอย่าง
เช่น อย่างแรก คือ อารมณ์ความรู้สึกที่มีความสุข ชื่นมื่นกับช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ เพราะเป็นช่วงที่ร่ำรวย และสร้างผลิตภาพได้มาก
สลับกับช่วงที่มันโหดร้าย หดหู่ และเป็นช่วงที่มีการต่อสู้ระหว่างความร่ำรวยและความเป็นมหาอำนาจ ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง และทำให้ผลิตภาพสะดุดลง และหลายครั้งก็นำไปสู่การปฏิวัติ หรือสงคราม
6. ช่วงเวลาที่ย่ำแย่นี้ เปรียบเสมือนกับการกำจัดจุดอ่อน และสิ่งที่มันเกินมากเกินความจำเป็นเช่น ภาระหนี้สินในระบบที่มากเกินไป
การกลับคืนสู่สามัญในแง่ปัจจัยพื้นฐาน (แม้ว่าจะเป็นกระบวนการที่แสนจะเจ็บปวดก็ตาม)
“สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการปรับตัว ซึ่งในท้ายที่สุดก็จะทำให้เกิดความแข็งแรงมากขึ้น”
7. การที่จะตอบปัญหาเหล่านี้ได้ คือการศึกษากลไกที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ระหว่างช่วง 1930-1945, รวมถึงช่วงรุ่งเรืองและตกต่ำของอาณาจักรอังกฤษ และเนเธอร์แลนด์
และช่วงรุ่งเรืองและตกต่ำของอาณาจักรจีน
การศึกษาสิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ และอะไรคือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
================
วิธีการศึกษาตามสไตล์ของ Ray Dalio
1. แกออกตัวก่อนครับว่า จริงๆแล้วเป็นสิ่งที่แปลกเหมือนกันสำหรับผู้จัดการกองทุนที่ต้องตัดสินใจลงทุนในระยะสั้น แต่กลับต้องให้ความสนใจในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในอดีต
2. แต่จุดที่น่าสนใจคือ วิธีการศึกษาแบบนี้กลับทำให้ผลตอบแทนของ Bridgewater ดีเสมอมา
3. “ข้อผิดพลาดมากที่สุดของผมตลอดการทำงานที่ผ่านมา มาจากการตกรถรอบใหญ่” แต่จริงก็ยังไม่เคยเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของแก แต่เกิดขึ้นหลายครั้งในอดีตครับ
4. ข้อผิดพลาดเหล่านี้ได้สอนเฮีย Ray Dalio ว่าจำเป็นต้องเข้าใจว่ากลไกเศรษฐกิจและกลไกตลาดว่าทำงานอย่างไรตลอดในอดีตที่ผ่านมา
แกจะศึกษากลไกในอดีตชนิดที่ย้อนกลับไปในอดีตแบบไม่กำหนดเวลา และจะพัฒนาหลักการการรับมือกับเหตุการณ์เหล่านั้นในอนาคตแบบไม่กำหนดเวลาเช่นกัน
5. “เหตุการณ์ที่สร้าง surprise ครั้งใหญ่ ที่เป็นครั้งแรกที่ผมเคยเจอ คือช่วง 1971” ตอนนั้นเป็นช่วงที่เค้าอายุ 22 ปีครับ และกำลังทำงานเป็นเสมียนอยู่ที่ ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
6.วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม 1971 ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อประธานาธิบดี Nixon ที่ประกาศว่าสหรัฐจะไม่รักษาคำมั่นสัญญาโดยได้ยกเลิกการผูกเงินดอลลาร์กับทองคำสำรองของสหรัฐ
ตอนนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ค่าเงินร่วงดำดิ่งเลยครับ
“ตอนที่ผมฟังคำแถงของ คุณ Nixon ผมมองว่าการที่รัฐบาลสหรัฐผิดสัญญา และมองว่าค่าเงินดอลลาร์น่าจะถึงจุดจบ” ตอนนั้นคุณ Ray คิดว่า ไม่น่าจะดีแน่
7. “สิ่งที่ผมทำ ตอนเช้าวันจันทร์คือเดินไปที่ ตลาดหลักทรัพย์ และคาดหวังว่า น่าจะเห็นความโกลาหล” แต่ปรากฏว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยนะครับ
แต่แทนที่ตลาดจะร่วงดำดิ่งไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตลาดหุ้นกลับเด้งขึ้น 4% “ผมรู้สึกช็อคมาก ๆ ผิดคาดแบบสุด ๆ”
8. เหตุผลเพราะ ตัวเค้าเองก็ยังไม่ได้เจอปัญหาการอ่อนค่าของค่าเงินมาก่อน ก็เลยไม่คิดว่าผลจะออกมาแบบนี้
9. หลังจากเฮีย Ray Dalio ก็เข้าไปดูประวัติศาสตร์และก็เห็นเลยครับว่ามีหลายครั้งที่เกิดการอ่อนค่าเงิน แล้วก็เกิดผลกระทบต่อตลาดหุ้นที่คล้าย ๆ กัน
10. ถ้าเกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่และครั้งสำคัญเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เช่น เหตุการณ์ the Great depression
“ผมไม่สามารถบอกได้หรอกครับว่า มันจะไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นผมต้องศึกษาว่ากลไกของมันคืออะไร และเตรียมตัวที่จะรับมือกับเหตุการณ์เหล่านั้น”
11. หลัก ๆ แล้วจะทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของสาเหตุและผลลัพธ์
“สิ่งที่ผมทำคือ ใช้รูปแบบ if/then” ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แล้วเข้าไปลงทุนอันนี้ ผลลัพธ์จะเป็นยังไง
“ผมทำแบบนี้อย่างเป็นระบบ ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้น เราก็จะลงทุนตามสิ่งที่ได้ศึกษามา” แต่ถ้าผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างจากสิ่งที่เราคิด เราก็จะหาคำตอบให้ได้ว่าเพราะอะไร
12. วิธีการของคุณ Ray ไม่ได้เป็นเชิงวิชาการครับ แต่เป็นสิ่งที่สามารถเอาไปใช้ได้จริง และนี่คือวิธีที่เค้าสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีเสมอมา
13. ความสามารถที่จะคาดการณ์และรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จำเป็นต้องเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลลัพธ์ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น
14. และยังต้องเข้าใจด้วยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลลัพธ์ ในอดีตเป็นยังไง
================
วิธีการศึกษาส่งผลต่อมุมมองของเฮีย Ray Dalio ยังไง?
เป็นคำถามที่น่าสนใจมากครับเพราะปกติเราจะเห็นว่าเฮียแกมองอะไร ก็ทะลุปรุโปร่ง และมีมุมมองที่ลึกกว่าคนอื่นเสมอ
- วิธีการศึกษาแบบนี้ช่วยทำให้คุณ Ray มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ลึกมากขึ้น
“เหมือนกับนักชีววิทยาแหละครับ ที่ต้องบอกได้ว่า สัตว์เป็นสปีชีย์ไหน” และศึกษาเพิ่มเติมว่าแต่ละสปีชีย์ทำงานยังไง
2. วิธีการศึกษาแบบนี้ทำให้เปลี่ยนมุมมองของแกไปเยอะครับ ทำให้เห็นรูปแบบการเปลี่ยนแปลงในช่วงที่ผ่านมา
ทำให้เข้าใจว่าแต่ละอย่างมีอิทธิพล และส่งผลกระทบกันอย่างไร เช่น วงจรเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อการเมือง, แล้วเศรษฐกิจกับการเมืองมีผลต่อกันและกันยังไงในระยะยาว
3. การที่เข้าใจรูปแบบและความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลลัพธ์ ที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์นั้น ๆ ทำให้คุณ Ray เห็นภาพใหญ่มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เข้าใจภาพในรายละเอียดไปพร้อม ๆ กัน
เพราะเป็นการทำความเข้าใจระหว่างสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่ยาวนานมาก ๆ
4. การทำความเข้าใจในสิ่งเหล่านี้จะต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ
5. ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเวลาผ่านไป คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้น เพราะเราเรียนรู้มากขึ้น ก็จะทำให้เกิดผลิตภาพมากขึ้น
แต่เหตุผลที่เรายังเห็นว่าเศรษฐกิจมีขึ้น มีลง เพราะว่าปัญหาวงจรหนี้สินนี่แหละครับ ที่ทำให้เกิดกิจกรรมเศรษฐกิจ ขึ้น ๆ ลง ๆ
6. เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ พลาดโอกาสใหญ่ ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเพราะว่าพวกเราส่วนใหญ่มีประสบการณ์เพียงแค่น้อยนิดกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
“พวกเราเหมือนเป็นแค่มด ที่มัวแต่ทำงาน แบกเศษเล็กๆไปมา ในช่วงชีวิตของเรา” เพราะฉะนั้นแทนที่เราจะมองเห็นภาพใหญ่ทั้งในมุมของรูปแบบที่เกิดขึ้น กับวงจรที่เกิดขึ้น (เรามัวแต่ดูภาพเล็ก ๆ ทำให้ไม่เข้าใจภาพทั้งหมด)
7. สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ ความสัมพันธ์แบบไหนที่ผลักดันให้เกิดเหตุการณ์เหล่านั้น และตอนนี้พวกเราอยู่ตรงจุดไหนของวัฏจักรนั้นๆ และอะไรบ้างที่เกิดขึ้นบ้าง
8. “ผมเชื่อว่าคนเรามีบุคคลิกไม่กี่แบบ ซึ่งจะนำไปสู่เส้นทางไม่กี่เส้นทางของชีวิต” และก็จะนำไปสู่สถานการณ์ไม่กี่อย่าง และนำไปสู่เรื่องราวไม่กี่เรื่อง ซึ่งก็จะฉายหนังซ้ำไปซ้ำมา
“สิ่งที่เปลี่ยนไปมีเพียงแค่เสื้อผ้าของตัวละครที่สวมใส่ และเทคโนโลยีที่พวกเค้าใช้ก็เท่านั้น”
เป็นปรัชญาที่เอาไปใช้ได้กับทุกเรื่องเลยครับ
================
ผลลัพธ์จากการศึกษาเป็นอย่างไร?
1. การศึกษาวัฏจักรเงินและวงจรสินเชื่อในอดีตที่ผ่านมาทำให้ ระมัดระวังวงจรหนี้ระยะยาว ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นทุก ๆ 50-100 ปี
ตรงนี้จะทำให้เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
2. ยกตัวอย่าง เช่น ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะลดลงเหลือ 0% และกรณีที่ธนาคารกลางพิมพ์เงินออกมา และเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงิน ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008-2009 และเมื่อวิเคราะห์วิกฤตปี 1930 ก็ยิ่งทำให้เข้าใจวิกฤตมากขึ้น
3. และนี่คือสิ่งที่ทำให้เค้าเข้าใจว่า ธนาคารกลางทำไมถึงต้องออกมาตรการ เพื่อผลักดันให้สินทรัพย์ทางการเงินและเศรษฐกิจฟื้น
ซึ่งก็จะทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการเงิน และนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง และเป็นยุคของประชานิยม
นั่นเป็นสิ่งที่เราเห็นในยุคหลังปี 2009
4. “ในช่วงปี 2014 ผมต้องการอยากคาดการณ์ตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ เพราะมันเกี่ยวกับการตัดสินใจว่าจะลงทุนยังไง” และก็นำไปวิเคราะห์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในช่วง 10 ปีข้างหน้า
5. กระบวนวิเคราะห์แบบนี้ทำให้คุณ Ray สามารถทำความเข้าใจได้ลึกมากขึ้นว่าทำไม บางประเทศถึงมีเศรษฐกิจดี แต่บางประเทศกลับแย่
หลังจากนั้นเค้าก็จะเอาปัจจัยเหล่านี้เข้าไปในสมการ เพื่อวิเคราะห์คาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจในช่วง 10 ปีข้างหน้า มากกว่า 20 ประเทศ
6. สิ่งที่เจ๋งคือ การศึกษาแบบนี้ทำให้คุณ Ray เห็นดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า เช่น คุณภาพของการศึกษา และระดับของการเป็นหนี้
“ปัจจัยเหล่านี้ในสหรัฐเริ่มแย่ลงเมื่อเทียบกับ จีน และอินเดีย”
7. หลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในปี 2016 และใช้มาตรการประชานิยมมากขึ้นในประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นสิ่งที่เห็นจนแทบจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา
ซึ่งนโยบายประชานิยม ก็ทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมและการเมืองเหมือนกับช่วงปี 1930 คล้ายกับเหตุการณ์ปัจจุบันเลยครับ
8. จากการศึกษาและสังเกตอย่างหนักจะเห็นว่า อเมริกาเจอปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างหนักมากครับ ทำให้เกิดปัญหาช่องว่างทางเศรษฐกิจ
================
3 คำถามชวนคิดที่ต้องการคำถามอย่างเร่งด่วน
เริ่มจาก “วงจรเงินระยะยาวและหนี้ระยะยาว”
1. แทบจะไม่เคยมีช่วงไหน ในชีวิตของเราที่อัตราดอกเบี้ยต่ำมาก ๆ และติดลบ ในบางประเทศ ในขณะที่มีหนี้มากมายขนาดนี้
2. นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 จะเห็นว่ามีหนี้สินมากถึง 10 ล้านล้านเหรียญที่มีอัตราดอกเบี้ยติดลบอยู่ครับ และไม่ใช่เหตุการณ์ปกติที่หนี้ก้อนใหม่จะถูกนำมาขาย เพื่อชดเชยการขาดดุลครับ
3. และเป็นช่วงที่กำลังเกิดปัญหาที่กองทุนบำเหน็จบำนาญ และเงินด้านสาธาณสุข จะถึงกำหนดที่จะต้องจ่าย
4. ตรงนี้ทำให้เกิดคำถามที่น่าสนใจคือ จะมีใครต้องการถือตราสารหนี้ที่ให้อัตราดอกเบี้ยติดลบ และอัตราดอกเบี้ยจะติดลบได้อีกมากแค่ไหน
และเศรษฐกิจและตลาดจะเป็นอย่างไร ถ้าอัตรดอกเบี้ยไม่ต่ำไปมากกว่านี้ และมาตรการของธนาคารกลางจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงภาวะตกต่ำครั้งต่อไปได้อย่างไร
5. ธนาคารกลางจะพิมพ์เงินออกมามากขึ้นหรือไม่ แล้วจะทำให้มูลค่าเงินลดลงหรือป่าว แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าค่าเงินร่วงลง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำขนาดนี้
6. สกุลเงินสำรอง เป็นเงินที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในการทำธุรกรรมและการออมเงิน
7. ประเทศที่สามารถพิมเงินที่เป็นสกุลเงินหลัก (ตอนนี้คือสหรัฐ) ก็จะอยู่ในสถานะที่ได้รับสิทธิประโยชน์และมีอิทธิพลมาก
8. คำถามคือ เมื่อไหร่แล้วเพราะอะไรที่สกุลเงินดอลลาร์จะเริ่มร่วงลง และสูญเสียตำแหน่งของการเป็นสกุลเงินสำรอง
และจะเปลี่ยนโลกที่เรารู้จักอย่างไร
================
คำถามถัดมาคือ วงจรความมั่งคั่งและวงจรของอำนาจ
1. ความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่ง, คุณค่า และการเมืองตอนนี้มีช่องว่าง มากขึ้นมากกว่าที่ตัวของคุณ Ray เคยเห็นมาทั้งชีวิตครับ
2. จากการที่ศึกษาในช่วงปี 1930 และยุคก่อนหน้านี้ จะพบว่าฝ่ายไหนที่ชนะการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวาก็จะมีผลต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นครั้งใหญ่
3. ผมสงสัยว่า ความเหลื่อมล้ำเหล่านี้จะนำไปสู่เรื่องไหน และผลลัพธ์จะเป็นยังไง
ผลลัพธ์คือ เศรษฐกิจขาลงครับ และจะมีปัญหาความขัดแย้งระหว่างกันว่า จะแบ่งเค้ก แบ่งผลประโยชน์กันยังไง
4. ประชาชนและผู้กำหนดนโยบายจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร ถ้าเกิดเศรษฐกิจตกต่ำ
ตอนนี้เฮีย Ray Dalio เริ่มกังวลครับ โดยเฉพาะประเด็นที่ความสามารถในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ
5. นอกจากนี้นโยบายการเงินก็เริ่มไม่ได้ผล เช่นการพิมพ์เงินแล้วก็เข้าซื้อสินทรัพย์ หรือที่เรียกว่า QE และดันไปเพิ่มความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่งอีก
เพราะยิ่งเข้าซื้อสินทรัพย์การเงินก็ยิ่งทำให้ราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นซึ่งนั่นก็จะทำให้คนรวยที่ถือสินทรัพย์การเงินได้ประโยชน์มากกว่าคนที่มีรายได้น้อย
================
คำถามที่ 3 คือ วงจรความมั่งคั่งและอำนาจระดับนานาชาติ
1. นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของเฮีย Ray Dalio ที่สหรัฐกำลังเจอความท้าทายจากประเทศอื่นในการเป็นมหาอำนาจ
2. จีนก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงคนสำคัญในหลายด้าน และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วกว่าสหรัฐ ซึ่งถ้ายังเป็นแบบนี้อีกจีนก็จะแข็งแรงกว่าสหรัฐ
3. “ผมเห็นความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านการค้า เทคโนโลยี ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์, เงินทุน, เศรษฐกิจ, การเมือง, แนวความคิดทางสังคม”
4. คุณ Ray เองก็สงสัยว่าความขัดแย้งเหล่านี้ จะเปลี่ยนระเบียบโลกอย่างไร
และจะมีผลกระทบอะไรกับพวกเราบ้าง
5. คุณ Ray เชื่ออยู่แล้วครับว่าในท้ายที่สุดปัญหาเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ขาลงจะเกิดขึ้นแน่ๆ แต่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดจากโรคระบาด
6. สิ่งที่เฮียให้ความสำคัญในการวิเคราะห์มาก ๆ คือ สหรัฐ, ค่าเงินดอลลาร์, ปอนด์ และอังกฤษ, เนเธอร์แลนด์ เพราะเคยเป็นมหาอำนาจมาก่อน
7. แต่สิ่งที่ให้ความสำคัญรองลงมากคือ เยอรมนี, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, ญี่ปุ่น, จีนและอินเดีย
8. แต่ถ้าให้เลือก 6 ประเทศ ก็จะเลือกดูที่จีน และดูย้อนกลับไปหลายร้อยปีที่แล้ว เพราะเป็นช่วงที่จีนมีความสำคัญมาก ๆ ตอนนี้ก็มีความสำคัญและอนาคตเองก็เช่นกัน
9. ข้อสังเกตคือ มหาอำนาจโลกมักจะรุ่งเรืองประมาณ 250 ปี ซึ่งการศึกษาแบบนี้ทำให้เค้าคุณ Ray เข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้การลงทุนได้ผลตอบแทนที่ดีมากขึ้นในระยะยาวครับ
========
เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต
อิสรภาพชีวิต !! อยู่ไหนก็ไม่พลาด อย่าลืมกดติดตามนะครับ หรือเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้เลย
ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน Line@: http://bit.ly/TAM-EIG_LINE
คลิกเลย