#ลงทุนนอกโลก โดยถามอีก กับอิก
ก่อนหน้านี้แกเคยให้ความเห็นไปรอบนึงแล้วสามารถอ่านย้อนหลังได้ที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/Tam.eig/posts/2701157563313901/
=========
มาวันนี้แกยอมรับว่า แกไม่ชอบเดิมพันอะไรก็ตามที่แกไม่คิดว่าตัวเองเก่งมาก ๆ และไม่ชอบเดิมพันด้วยเงินก้อนใหญ่ในการลงทุนแต่ละครั้ง
เบื้องต้น เฮีย Ray Dalio แบ่งเป็น 3 เรื่องใหญ่ ๆ ครับ
คือ 1. ไวรัส 2. ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากไวรัส และ 3. ปฏิกิริยาของตลาด
“ทั้งสามสิ่งอาจจะได้รับผลกระทบจากอารมณ์ของนักลงทุน” เฮียบอกครับ โดยปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง สาม อย่างอาจจะทำให้ตลาดกลายเป็นขาลง และอาจจะทำให้ราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ มันผิดเพี้ยนไป และอาจจะประเมินมูลค่าผิดพลาดก็ได้
แต่จุดที่สำคัญมาก ที่เฮียแกค่อนข้างกังวลคือ อาจจะกระทบต่อ ความเหลื่อมล้ำ ทั้งด้านความมั่งคั่งและการเมือง และในท้ายที่สุดก็อาจจะถึงจุดจบของวัฏจักรหนี้ (ซึ่งตอนนี้ระดับหนี้ตอนนี้สูงมาก)
ในขณะที่ธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ ก็แทบจะไม่มีสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้แล้ว
=========
มาลุยอย่างแรกกันก่อนครับ “ไวรัส”
1. ไวรัส ด้วยตัวมันเองจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (ชัวคราว) แล้วเดี๋ยวก็จะผ่านไป
2. ปัญหาไวรัสจะส่งผลกระทบรุนแรงต่ออารมณ์ของนักลงทุน ซึ่งก็มักจะทำให้ตลาดร่วงลงอย่างรุนแรง
3. นอกจากนี้ ไวรัสก็ยังจะทำให้เกิดวิกฤตสุขภาพ ที่แทบจะควบคุมไม่ได้ และจะทำให้เกิดต้นทุนของมนุษย์ (ทั้งป่วย และเสียชีวิต) รวมถึงส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจอย่างมาก
4. แม้ว่าการรับมือกับปัญหาและผลพวงจาก การควบคุมก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ แต่ละพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทิศทางตลาดการลงทุนที่อาจจะแตกต่างกันไป (ขึ้นอยู่กับผลกระทบที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศครับ)
5. ทั้งนี้การควบคุมไวรัส เช่น การลดการแพร่กระจาย จะมีประสิทธิภาพก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ
“เช่น ผู้นำที่ต้องเก่งซึ่งสามารถตัดสินใจได้ถูกต้อง และรวดเร็ว” “ประชาชนเองก็จะต้องทำตามคำสั่งของผู้นำ” “ระบบการบริหารจัดการที่จะช่วยบังคับและบริหารแผนงาน” และ “ระบบสาธารณสุขที่ดี เพื่อระบุว่าใครป่วย และสามารถรักษาได้อย่างดี และรวดเร็ว”
6. สิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้นำ คือ ต้องทำให้สังคมห่างกัน ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ (ความหมายน่าจะเป็นการแยกผู้ป่วย และไม่ให้คนมาแออัดกันในแต่ละพื้นที่)
ซึ่งควรจะทำตั้งแต่ก่อนที่ไวรัสจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และถ้าสถานการณ์คลี่คลายลง ก็จะต้องเร่งถอนมาตรการในการควบคุม หรือห้ามไม่ให้ประชาชนมาแออัดกัน โดยเร็วที่สุด
7. “ส่วนตัวผมเชื่อว่า จีนทำได้ดีมากๆในเรื่องนี้ ในขณะที่ตอนนี้ประเทศที่พัฒนาแล้วในหลายประเทศทำได้ดีน้อยกว่าจีน แต่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่โอเค”
แต่สำหรับประเทศที่แข็งแรงน้อยกว่า อาจจะแย่มากกว่าจีนและประเทศพัฒนาอีกครับ
8.เพราะฉะนั้นในหลาย ๆ ประเทศที่ควบคุมได้ไม่ดีมากพอ ก็อาจจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วมาก ๆ แต่จริงๆก็ยังมีปัจจัยอื่นอีกนะครับ เช่น เรื่องของสภาพอากาศ เช่น อากาศร้อนในแถบเขตร้อน ก็จะมีการระบาดได้น้อยกว่าประเทศอื่นเป็นต้นครับ
9. และตอนนี้สิ่งที่เราเห็นคือ กำลังเกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในหลายประเทศและมีรายงานผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเช่นกัน
และถ้าติดตามข่าวก็จะเห็นว่า การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วเนี่ยแหละที่จะทำให้เกิดการตกอกตกใจได้ในตลาดลงทุนได้ ซึ่งในสหรัฐเองก็เช่นกันที่จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า
“โดยมองว่าจะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากครับ” และแน่นอนก็จะทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมาอย่างหนัก และจะมีมาตรการควบคุมให้สังคมแยกจากกัน ลดความแออัด ซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาอีกเช่นกัน
10. เฮีย Ray Dalio มองว่าสิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างคือ โรงพยาบาลจะรับมือกับจำนวนผู้ป่วยได้ยากลำบากมาก ๆ และก็มีคนบอกเฮียแกด้วยว่า ปัญหากำลังจะหนักหน่วงมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
=========
พักหายใจสักแวบนึงแล้ว มาลุยต่อด้านที่ 2 ครับ “ผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากไวรัส”
1. มาตรการที่ทำให้สังคมห่างกัน จะทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบในระยะสั้นอย่างรุนแรง แต่ก็จะมีการฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้าง
2. แกมองว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว
3. ข้อเท็จจริง คือ ในอดีตโรคระบาดที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตจำนวนมาก มักจะทำให้เกิดความวิตกกังวล ส่งผลทางจิตใจ มากกว่าเศรษฐกิจเสียอีก
4. แกยกตัวอย่างไข้หวัดสเปน ที่เคยเกิดในอดีต ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 “ผมมองว่าน่าจะเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่เคยเกิดขึ้นแล้วแหละ”
“ส่วนตัวผมมองว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว”
5. แต่เฮีย Ray Dalio ก็ยอมรับนะว่า แกก็ไม่สามารถรับประกันได้เพราะเหตุการณืในอดีตมันอาจจะเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน
“เช่น อาจจะมีความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่งและทางการเมือง” และอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงระหว่างนักการเมืองฝ่ายซ้าย และฝ่ายขวา
“และอาจจะแย่ลงถ้าเกิดเศรษฐกิจขาลง ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง และทำให้เกิดความขัดแย้ง และทำให้เกิดปัญหาสำหรับการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ”
และอาจจะแย่ลงอีก ถ้าเป็นกรณีที่มีภาระหนี้สินอยางมาก และนโยบายการเงินที่ไร้ประสิทธิภาพ
และอาจจหนักอีก ถ้าเกิดขั้วอำนาจใหม่ที่พยายามขึ้นมาท้าทายประเทศมหาอำนาจเดิม
6. รอบที่แล้วที่เคยเกิดขึ้น คือเกิดขึ้นในช่วงปี 1930 ซึ่งในท้ายที่สุดก็ทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และก่อนหน้านั้นก็เคยเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1
7. และแน่นอนครับว่า ปัญหาที่แกย้ำมาโดยตลอดคือ ความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่งและปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองนี่แหละครับ ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย ซึ่งก็น่าจะส่งผลต่อการเลือตั้งตัวแทนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี Super Tuesday (ในวันนี้)
=========
โอเค ด้านสุดท้ายครับ “ปฏิกิริยาของตลาด” หรือของนักลงทุน
1. ต้องยอมรับว่าตอนนี้โลกของเราอยู่ในช่วงที่มีการกู้เงินมานาน ในขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่เองก็ซื้อหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆเข้าพอร์ต
“นักลงทุนมีหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงเต็มพอร์ต เพราะช่วงที่ผ่านมาดอกเบี้ยต่ำมาก เมื่อเทียบกับความคาดหวังผลตอบแทนในการลงทุนในหุ้น”
2. ทำให้การกู้ยืมเงิน มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่มากขึ้น
3. ทั้งนี้ไวรัส จะทำให้รายได้ของบริษัทลดลง แต่เมื่อเหตุการณ์จบลง ก็จะทำให้บริษัทมีรายได้ฟื้นกลับมาได้ แต่อาจจะเป็นรูปแบบ V shape หรือ U Shape เพียงแต่ไม่รุ้ว่าจะเมื่อไหร่
4. แต่อย่างไรก็ตาม การร่วงลงรอบนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือจะส่งผลกระทบต่อบริษัทที่มีหนี้สินจำนวนมาก โดยเฉพาะในประเทศที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยยะ
5. ”ผมเดาว่า ตลาดจะแยกไม่ออกว่า บริษัทไหนที่จะสามารถอยู่รอดได้ หรือไม่สามารถอยู่รอด จากภาวะช็อคที่เกิดขึ้นในครั้งนี้”
6. เช่น บริษัทที่มีเงินสดมาก และได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมาก ก็จะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่า บริษัทที่มีภาระหนี้สินมาก
7. ทั้งนี้ทั้งนั้นเฮีย Ray Dalio มองว่า นี่ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยหนัก แทบจะเรียกว่าเป็นหนึ่งในวิกฤตที่เกิดขึ้นหนักๆ ในรอบ 100 ปี อาจจะมีสักหนึ่งครั้ง
ทั้งนี้หลายฝ่ายก็อาจจะได้รับผลกระทบตามไป ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่รับประกันความเสี่ยง และคนที่ไม่สนใจจะปิดความเสี่ยง เพราะมันเหมือนเป็นความเสี่ยงที่ไม่เคยเกิดขึ้น
8. ยกตัวอย่างเช่น บริษัทประกัน ที่ไปรับประกันเพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้น หรือบริษัทที่ขาย option ป้องกันความเสี่ยง เพื่อกินค่าพรีเมี่ยม
9. ตอนนี้ตลาดเองก็กำลังจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะตอนนี้กำลังเจอปัญหาถูกบีบอย่างหนัก และถูกบังคับเรื่องสภาพคล่อง มากกว่าการวิเคราะห์พื้นฐาน
10. พวกเรามองเห็นปัญหาเหล่านี้ ซึ่งมองว่าเป็นสิ่งที่ผิดปกติมาก ๆ และอาจจะมีการเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไปในทิศทางไหน
11. สิ่งที่น่าสนใจคืออะไรครับ? คือ ตอนนี้หลายบริษัทกำลังให้ผลตอบแทนสูงทำให้น่าสนใจ และอีกผู้เล่นในตลาดหลายรายก็อาจจะล้มหายตายจากไป
12.สำหรับนโยบายของธนาคารกลางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดดอกเบี้ย และการเพิ่มสภาพคล่อง อาจจะไม่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
เพราะประชาชนก็อาจจะอยู่บ้าน ไม่ออกไปนอกบ้านไม่จับจ่ายใช้สอยข้างนอก
13. แต่ประเด็นคือตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น เพราะตอนนี้อัตราดอกเบี้ยต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แทบจะติด 0% อยู่แล้ว ทำให้ยากที่จะใช้นโยบายการเงินให้มีประสิทธิภาพต่อไป
14. ในยุโรป เองตอนนี้ก็มีสิ่งที่น่าสนใจ คือต้องติดตามว่านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลังจะช่วยได้แค่ไหน ภายใต้ปัญหาการเมืองตอนนี้
15. แต่ก็อย่าไปหวังอะไรมากมาย ว่าการลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษบกิจได้ เพราะช่วงที่ผ่านมาก็มีการลดดอกเบี้ยแบบรัว ๆ กันหลายประเทศอยู่แล้ว สังเกตจากการที่ผลตอบแทนของพันธบัตรตอนนี้ลดไปอย่างมาก
“เช่นเดียวกับหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆที่ถูกเทหนักมาก”
16. เท่าที่เฮีย Ray Dalio มองคือ “การที่จะควบคุมไม่ให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบมาก ก็ยังต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างนโยบายการเงินและการคลัง โดยเฉพาะกรณีบริษัทที่มีปัญหาหนี้และปัญหาสภาพคล่อง”
มากกว่าการหว่านนโยบายด้วยการลดดอกเบี้ย และเพิ่มสภาพคล่องแบบกว้าง ๆ ไม่เฉพาะเจาะจง
17. และสิ่งที่สำคัญมากที่สุด คือการดูแลทั้งตัวคุณและสุขภาพของครอบครัวของคุณ
18. หลักคิดการลงทุนตามสไตล์ของเฮียแก คือ การคิดดูว่าอะไรคือ สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด แล้วเราก็ปกป้องความเสี่ยงเหล่านั้นซะ
========
เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต
อิสรภาพชีวิต !! อยู่ไหนก็ไม่พลาด อย่าลืมกดติดตามนะครับ หรือเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้เลย
ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน Line@: http://bit.ly/TAM-EIG_LINE
คลิกเลย