คุณชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ราช กรุ๊ป ได้พูดถึงหลักการ Business Model ของบริษัทว่า เป้าหมายของบริษัทในเวลานี้ก็คือเป็นผู้นำทางด้านการวางโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะเรื่องของพลังงานในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก สำหรับแผนเบื้องต้นประกอบไปด้วยการลงทุนในเรื่องการผลิตพลังงาน 1 หมื่นเมกะวัตต์ไปจนถึงเพิ่มเม็ดเงินลงทุนไปกับการผลิตพลังงานมากถึง 2 แสนล้านบาท
จากนั้น บริษัทมีแผนที่จะทำการขยายการลงทุนในธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับห่วงโซ่คุณค่าและธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานส่วนอื่น ๆ เพื่อผลประโยชน์ที่ยั่งยืน ต่อมาทางบริษัทจะทำการสร้างมูลค่าเม็ดเงินจากการลงทุนต่างประเทศโดยไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผลกำไรทั้งหมด รวมไปถึงทำการผลิตพลังงานจากการดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนไม่น้อยกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ของการผลิตพลังงานทั้งหมด กล่าวคือทั้งหมดนี้บริษัทจะมุ่งเน้นขยายกิจการสร้างธุรกิจประเภทพลังงานทดแทนมากขึ้นเพื่อยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อม, สังคมและหลักธรรมาภิบาล
สำหรับโครงสร้างรายได้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เสริมสร้างการใช้พลังงานอย่างปลอดภัยและเปลี่ยนผ่านเป็นการใช้พลังงานทดแทน พร้อมกับตั้งเป้าในการผลิตพลังงานไฟฟ้าแบบอิสระด้วยตัวเองเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกันมีการพัฒนาและกระจายโครงสร้างทางธุรกิจในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงสร้างการเติบโตที่มั่นคงขึ้นในระยะยาว อย่างเช่นการวางทางรถไฟสายสีชมพูกับสายสีเหลือง วางรากฐานมอเตอร์เวย์ และระบบโครงข่ายเส้นใยแก้วนำแสง
เช่นเดียวกันทางบริษัทมีแนวคิดที่จะวางรากฐานทางด้านนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทำธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงการใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่มีหลายธุรกิจเริ่มให้การตอบสนองเรื่องนี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางโครงสร้างอำนวยความสะดวกทั้งเรื่องของการวางหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์กับเมืองอัจฉริยะ การให้บริการทางด้านการเดินระบบและซ่อมบำรุง ขณะเดียวกันทางบริษัทเริ่มให้ความสำคัญกับการลงทุนในสังคมสูงวัย ไม่ว่าจะเป็นการให้สังคมสูงวัยสามารถเข้าถึงการให้บริการทางด้านสุขภาพและสาธารณสุขเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนวางโครงข่ายโรงพยาบาลในประเทศ และลงทุนโรงพยาบาลในต่างประเทศอย่างเช่นประเทศลาว เป็นต้น