คุณเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย ได้พูดถึงผลกระทบจาการที่รัสเซียเจอกับการคว่ำบาตรเอาไว้ว่า รัสเซียถูกตัดออกจากระบบ SWIFT จำนวนทั้งสิ้น 7 แต่ยังคงเอาไว้ซึ่ง 2 ธนาคาร ด้วยเหตุผลเรื่องการเอาไว้ซื้อชำระค่าก๊าซและน้ำมันที่ขายให้ยุโรป ซึ่งการถูกตัดออกจากระบบ SWIFT นี้ถือว่าเหนือความคาดการณ์เอาไว้มาก จะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นของรัสเซียมีการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงจนต้องมีการปิดทำการ ค่าเงินรูเบิลอ่อนค่ากว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่งผลเสียอย่างรุนแรง อีกทั้งยังมีเรื่องของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 9.5 % เป็น 20 % และปรับสินเชื่อส่วนบุคคลขึ้นไปอีก 30 % ด้วย
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันพุ่ง จริง ๆ แล้วนั้นท่อก๊าซที่ส่งไปทวีปยุโรปยังคงทำงานปกติ ส่วนสหรัฐอเมริกาก็ยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ซื้อน้ำมันจากประเทศรัสเซียอยู่ เพราะหากสหรัฐอเมริกาไม่ซื้อ ราคาน้ำมันก็จะยิ่งสูงขึ้น หมายความว่า ขบวนการซื้อขายน้ำมันและก๊าซยังมีอยู่ ท่ามกลางการคว่ำบาตรรูปแบบอื่น
โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการค้าขายกับรัสเซีย ปีที่แล้วไทยส่งออกไปรัสเซียมากถึง 57 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนำเข้าจากรัสเซียประมาณ 1750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือผู้ส่งออกอาหาร ที่ทำธุรกิจประเภท SME เพราะไม่ว่าจะเป็นเพราะระบบ SWIFT ที่ทำให้ไม่สามารถชำระเงินได้อย่างสะดวก ขณะเดียวกันสำหรับผู้ที่นำเข้าสินค้าในรัสเซียค่อนข้างได้รับผลกระทบอย่างหนักเพราะค่าเงินรูเบิลตอนนี้ลดลงไปกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ หากมีการนำเข้าสินค้าเวลานี้ ก็เท่ากับว่าเป็นของแพงขึ้นโดยทันที
คุณหมู คุณสุวัฒน์ สินสาฎก CFA, FRM, ERP กรรมการผู้จัดการ บล.ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟ เอส เอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้พูดถึงราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจนน่ากังวลว่า นอกจากสำนักข่าวของอเมริกาหรืออังกฤษแล้ว เราต้องติดตามสื่อในประเทศอื่น ๆ อย่างประเทศจีนหรือรัสเซียด้วย ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ประเทศอเมริกาได้มีการส่งก๊าซไปให้ยุโรปมากถึง 2 ใน 3 ทั้ง ๆ ที่ในช่วงปีที่ผ่านมา รัสเซียจะเป็นผู้จัดส่งก๊าซผ่านท่อผ่านหลายประเทศถึง 50 % แต่ปัจจุบันรัสเวียส่งออกก๊าซลดลงเหลือประมาณ 10-20 % เท่านั้น ซึ่งประเทศที่เข้าไปแทนที่รัสเซียคือสหรัฐอเมริกา ซึ่งช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาอเมริกาได้มีการผลิตก๊าซ LNG เพิ่มสูงขึ้น คาดว่าสิ้นปีนี้ สหรัฐอเมริกา จะกลายเป็นผู้ส่งออกก๊าซรายใหญ่ที่สุดในโลกแทนประเทศกาตาร์และออสเตรีย
สหรัฐอเมริกา ได้มีการซื้อน้ำมันจากรัสเซียกว่า 80 % ก็จริง แต่ขณะเดียวกันอเมริกาก็ส่งออกน้ำมันเยอะ แสดงว่าสหรัฐอเมริกาก็ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งตอนนี้ราคาก๊าซในยุโรปก็พุ่งสูงขึ้นถึง 20-30 เหรียญต่อหน่วย คิดเป็นเกือบ 200 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งในประวัติศาสตร์ก็ไม่เคยปรากฏให้เห็นว่าราคาก๊าซจะแพงกว่าราคาน้ำมันได้ขนาดนี้ กลายเป็นว่าเวลานี้ทั้งถ่านหินและก๊าซมีราคาเพิ่มขึ้นจนแซงหน้าน้ำมันไปหมด ดังนั้น แม้ว่าสงครามครั้งนี้ ดูเหมือนเป็นการรบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน แต่จริง ๆ แล้วผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดก็คือสหรัฐอเมริกา