ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ได้พูดถึงสถานการณ์ที่ต้องจับตามองในเวลานี้ก็คือ เรื่องของการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่อาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ยมากถึง 9 ครั้งในปีนี้ และวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศรัสเซีย-ยูเครน
สำหรับสถานการณ์ระหว่างประเทศรัสเซีย-ยูเครนนั้น เป็นลักษณะของสงครามข่าวสาร (information warfare) เป็นการทำสงครามข้อมูล โดยไม่ได้มีเป้าหมายที่จะมีการสู้รบ แต่เน้นในเรื่องของหักล้างความจริงของฝ่ายตรงข้าม และทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถทำในสิ่งที่ต้องการอยากทำได้ในอนาคต เช่น โจ ไบเดนได้มีการบอกล่วงหน้าว่า ปูตินจะทำการบุกยูเครนแล้ว และเมื่อรัสเซียไม่ได้บุกยูเครนจริง โจ ไบเดนก็สามารถที่จะอ้างได้ว่า ฝ่ายเราได้มีการกดดันไม่ให้รัสเซียบุกได้สำเร็จ เป็นต้น ซึ่งแตกต่างไปจากการทำสงครามเย็น (Cold War) ที่จะเน้นในเรื่องของปริมาณระเบิดนิวเคลียร์ที่มีอยู่ในแต่ละประเทศ
ส่วนการที่ FED อาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ย 9 ครั้งในปีนี้นั้น ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา การปรับอัตราดอกเบี้ย 9 ครั้งไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดปกติแต่อย่างใด และมีความเป็นไปได้สูงที่ทาง FED จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ย 9 ครั้ง เนื่องจากเป็นแนวทางที่เคยสามารถจัดการกับภาวะเงินเฟ้อได้ ซึ่งดร.จิติพลมองว่า แนวทางเดียวที่จะสามารถรับมือกับภาวะเงินเฟ้อได้จริงก็คือ จะต้องทำให้ประเทศเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Repression) เพื่อเป็นการลดอุปสงค์ภายในประเทศลงไป
ดร.จิติพลได้แนะนำในการเลือกธีมให้เหมาะกับภาวะเงินเฟ้อในเวลานี้ว่า หากมาดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซีย-ยูเครนนั้น อาจต้องมาเลือกธีมทางด้านพลังงาน ซึ่งจะต้องมาแยกแยะระหว่างธีมระยะสั้นกับธีมระยะยาว หากว่าจบเหตุการณ์นี้แล้ว ธีมที่เราลงทุนจะมีผลดีในระยะยาวหรือไม่ หากว่าธีมที่เราลงทุนไม่เป็นผลดี จะต้องออกมาก่อน
การเลือกธีมการลงทุนนั้น หากภาวะเงินเฟ้อได้ถีบตัวสูงขึ้น แนะนำว่าควรลงทุนในธีมส่วนของอุตสาหกรรมทางด้านพลังงาน ยานยนต์หรือเทคโนโลยียุคใหม่อย่างเช่น fitech, social media หากภาวะเงินเฟ้อกลับมาอยู่ในระดับต่ำได้อีกครั้ง แนะนำว่าควรลงทุนในธีมพลังงานสะอาด การค้าปลีกออนไลน์และจีโนมิกส์ ส่วนการจัดพอร์ตการลงทุนนั้น แนะนำควรมีการถือกองทุนที่มีการลงทุนทางด้านพันธบัตร (Bond) อย่างเช่นกองทุน UST ซึ่งเป็นกองทุนที่มีสัดส่วนในการถือครองพันธบัตรและสินทรัพย์โดดเด่นทั่วโลก
สุดท้าย ดร.จิติพลแนะให้จับตา 3 ข้อด้วยกัน 1. ประเทศรัสเซีย ซึ่งสถานการณ์นี้ไม่น่าจะมีการคลี่คลายได้ง่าย ๆ 2. การ Repricing เป็นความเสี่ยงจากการขึ้นดอกเบี้ย จนทำให้สินทรัพย์มีการปรับตัวลดลง และ 3.ธีมการลงทุนที่จะต้องดูว่า มีความผันผวนสูงมากน้อยแค่ไหนและดูว่าจังหวะที่เราได้ลงทุนนั้น เป็นจังหวะที่เหมาะสมหรือไม่