ศรีลังกาถือเป็นประเทศตัวอย่างที่มีความเปราะบางทางเศรษฐกิจและประกาศเบี้ยวจ่ายหนี้พันธบัตรต่างชาติเป็นประเทศแรกในปีนี้
ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าประเทศไหนจะมีโอกาสเป็นประเทศต่อไปที่มีความเสี่ยง
ทาง Bloomberg ได้เปิดเผยรายชื่อของประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่มีความเสี่ยงจะผิดนัดชำระหนี้ตามรอยศรีลังกาไว้ดังต่อไปนี้ครับ
1. เอลซัลวาดอร์
ประเทศในอเมริกากลางอย่างเอลซัลวาดอร์ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือเครดิตลงมาตามความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรที่เพิ่มขึ้น โดย Bloomberg มองว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายของประธานาธิบดีที่คาดการณ์ไม่ได้ เช่น การอนุญาตให้นำ Bitcoin มาใช้ได้ตามกฎหมาย และความพยายามรวมอำนาจของรัฐบาลเป็นต้น
ทั้งนี้ปัจจุบันเอลซัลวาดอร์ขาดดุลการคลังอยู่มาก และมีหนี้พันธบัตรที่จะครบกำหนดชำระประมาณ 800 ล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคมปี 2566
2. กานา ตูนิเซีย และอียิปต์
3 ประเทศนี้มีความเปราะบางต่อการเพิ่มขึ้นของต้นทุนกู้ยืม และยังมีทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับต่ำ
โดย Mooy’s เตือนว่า กานา ตูนิเซีย และอียิปต์ อาจประสบปัญหาหากต้องออกพันธบัตรใหม่
ปัจจุบันกานาอยู่ระหว่างขอรับเงินช่วยเหลือมูลค่าราว 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐจาก IMF
ส่วนอียิปต์มีหนี้ต่างประเทศที่จะครบกำหนดชำระเกือบ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ และอีก 3 พันล้านเหรียญในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2566
3. ปากีสถาน
เริ่มกลับไปเจรจากับ IMF หลังจากมีหนี้ต่างประเทศที่รอการชำระอยู่ถึง 4.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐใน 12 เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้สถานการณ์ในปากีมีโอกาสคล้ายกับศรีลังกา โดยล่าสุดประชาชนได้ประท้วงบนท้องถนนแล้วหลังจากรัฐบาลตัดไฟฟ้าเป็นเวลk 14 ชั่วโมง ในขณะที่รัฐมนตรีคลังยอมรับว่าปากีสถานมีความเสี่ยงจะผิดนัดชำระหนี้สูง
4. อาร์เจนตินา
ประเทศในทวีปอเมริกาใต้ประเทศนี้เคยผิดนัดชำระหนี้มาแล้วถึง 9 ครั้งในปี 2020 และมีความเสี่ยงที่การผิดนัดชำระหนี้อีกหลังจากอัตราเงินเฟ้อมีโอกาสพุ่งสู่ระดับ 70% กดดันให้รัฐบาลต้องออกนโยบายควบคุมการไหลออกของเงินดอลลาร์เพื่อรักษาเสถียรภาพของสกุลเงิน
นอกจากนี้ปัญหาความขัดแย้งภายในระหว่างรัฐมนตรีคลังคนใหม่และประธานาธิบดีก่อนการเลือกตั้งในปี 2566 นี้ทำให้เศรษฐกิจอาร์เจนตินามีแน้วโน้มไม่สดใส
5. ยูเครน
การที่รัสเซียเปิดสงครามยูเครน ทำให้ต้องหาวิธีปรับโครงสร้างหนี้ของประเทศเพราะทางเลือกเริ่มเหลือน้อยแล้ว
โดยคาดการณ์เบื้องต้นว่ายูเครนต้องการเงินสูงถึง 6-6.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อชำระหนี้ต่างประเทศที่กำลังจะครบกำหนดชำระหนี้
ในปัจจุบันรัฐบาลยูเครนกำลังเจอความยากลำบากในการบริหารจัดการงบประมาณและรายได้ เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามที่ทำให้เศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก เช่นเดียวกับการส่งออกธัญพืชที่ไม่สามารถทำได้
โดยคาดการณ์ว่ายูเครนอาจต้องใช้เงินสูงถึง 7.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐในการฟื้นฟูประเทศจากสงครามระยะยาว