tam-eig.com

UBS มองสินค้าโภคภัณฑ์ผ่านพ้นจุดต่ำสุดและเป็นโอกาสซื้อ

อย่าลืม Subcribe จะได้ไม่พลาด

Facebook | Youtube | Line | Website

ทีมวิเคราะห์เศรษฐกิจและข้อมูลด้านการลงทุนจากธนาคารยูบีเอส (UBS) ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ที่นำโดย Mark Haefele มองว่าการปรับตัวลงหนักของราคาน้ำมันและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ เมื่อไม่นานมานี้นั้นอาจคงอยู่เพียงช่วงสั้นๆ และเป็นโอกาสที่ดีในการช้อนซื้อ ผู้ลงทุนจะสามารถทำกำไรได้ 15%-20% ในอีก 6 ถึง 12 เดือนข้างหน้าในสถานการณ์นี้⁣

“(ราคา)กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ได้มีการปรับตัวลงจากจุดสูงสุดมาอย่างต่อเนื่อง” ธนาคารยูบีเอสกล่าว “ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ของยูบีเอส (UBS Bloomberg Constant Maturity Commodity Index หรือ UBS CMCI Index) ลดลงมาประมาณ 11% นับตั้งแต่จุดสูงสุดช่วงต้นเดือนมิถุนายน และทรงตัวมาตลอดเดือนกรกฎาคม แม้ว่าโดยรวมจะยังคงปรับตัวขึ้นมา 16% นับตั้งแต่ต้นปี⁣

ข้อจำกัดด้านอุปทาน (Supply-side constraints หรือภาวะที่อุปทานไม่สามารถตอบสนองอุปสงค์ได้ทันท่วงทีจากปัญหาการขาดแคลนปัจจัยพื้นฐานการการผลิตด้านต่างๆ) ที่หนุนให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงในช่วงครึ่งปีแรกก็ลดต่ำลงจากการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกที่มีแนวโน้มถดถอย เงินดอลล่าร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และปัญหาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศจีน”⁣

“ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจร่วงลงไปได้อีกหากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรง ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมได้ปรับตัวลงมาต่ำกว่า 30-50% แล้วจากจุดสูงสุดสู่ระดับต่ำในช่วงเศรษฐกิจถดถอยหรือช่วงขาลงในรอบสามทศวรรษที่ผ่านมา และ ณ จุดต่ำสุดของเดือนกรกฎาคม ดัชนี CMCI ก็ร่วงลงมาถึง 17% จากจุดสูงสุดของเดือนมิถุนายน”⁣

ทีมวิเคราะห์เศรษฐกิจและข้อมูลด้านการลงทุนฯ เสริมว่า โดยรวมแล้ว อุปทานสินค้าโภคภัณฑ์นั้นถูกจำกัดจาก “การลงทุนต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาเป็นเวลาหลายปี” สินค้าคงคลังมีจำนวนน้อยในหลายภาคส่วน ขณะที่ปัจจัยเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศและภูมิรัฐศาสตร์ก็ส่งผลด้วย อุปสงค์หรือความต้องการของผู้บริโภคโดยรวมก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง⁣
ธนาคารยูบีเอสระบุสามปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นในระยะสั้น⁣

ปัจจัยแรก คือ ความต้องการของผู้บริโภคในจีนเริ่มจะฟื้นตัว “การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนไหว ข้อมูลจากภาคการผลิตและอสังหาริมรทรัพย์มีสัญญาณว่าจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นมากขึ้น ในขณะที่นโยบาย “บาซูก้า” (นโยบายทางการคลังและการเงินที่ใช้เงินจำนวนมากในการสู้กับวิกฤต) ส่อแววสำเร็จได้ยาก การสนับสนุนจากรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ของผู้บริโภคมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยเฉพาะแร่เหล็กและโลหะอุตสาหกรรม⁣
ปัจจัยที่สอง จากข้อมูลของธนาคาร การพูดถึงเรื่องภาวะถดถอยของสหรัฐอเมริกานั้น “ยังเร็วเกินไป”⁣

ธนาคารยูบีเอสอธิบายว่า “หลังจากมีรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (nonfarm payroll) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราสามารถกล่าวได้อย่างชัดเจนมากขึ้นว่า เศรษฐกิจไม่ได้อยู่ในภาวะถดถอย เพราะมีการจ้างงานใหม่ถึง 528,000 ตำแหน่งในเวลาหนึ่งเดือน”⁣
“การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ชะลอตัว อีกทั้งยังกลับไปสู่รูปแบบเหมือนก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่นกัน และด้วยลักษณะนี้จะทำให้สหรัฐฯ ประสบกับภาวะที่มีความแตกต่างระหว่างสินค้าและบริการ กล่าวคือ ภาคการผลิตชะลอตัว ภาคบริการก็กำลังเติบโตขึ้น เมื่อภาคการผลิตสินค้าและบริการมีความแตกต่างกันเช่นนี้ จะสะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสินค้าและบริการต่างๆ ที่จะกลับมาเป็นปกติมากขึ้น⁣

ปัจจัยที่สาม ก็คือ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะที่อุปทานชะงักงันจะกลับมาสู่ตลาดอีกครั้ง ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการกักตุนสินค้าและผลักดันให้ราคาสินค้าสูงขึ้น⁣
ในด้านสินค้าโภคภัณฑ์ที่ควรจับตามอง ทีมวิเคราะห์เศรษฐกิจและข้อมูลด้านการลงทุนของธนาคารยูบีเอส (UBS) เลือกกลุ่มโลหะ เช่น เหล็กและทองแดงให้เป็นสินค้าที่น่าลงทุนที่สุด เนื่องจากคุณสมบัติของเหล็กและทองแดงจะมีส่วนขับเคลื่อนการลดการปล่อยคาร์บอน น้ำมันก็เป็นตัวโดดเด่นมีแนวโน้มที่จะราคาพุ่งสูงมากขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร ⁣

“[สินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้] เป็นหัวใจของวัฏจักรสินค้าโภคภัณฑ์รอบใหม่ และสินค้าที่เป็นที่ต้องการของผู้ผลิตในกระบวนการที่มุ่งเป้าเพื่อให้บรรลุการกำจัดคาร์บอนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลให้เหลือศูนย์ จะเป็นปัจจัยสำคัญของการกลับตัวของราคาสินค้า แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ แต่เรายังเชื่อว่าโลกไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภคที่พุ่งสูงขึ้น แม้ว่าราคาสินค้าจะสูงด้วยก็ตาม ทศวรรษแห่งความขัดสนจะกลับมา รวมถึงความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการปกครองที่ชะลอการลงทุนกับการเติบโตของอุปทานแห่งอนาคตอย่างกลุ่มโลหะที่มีบทบาทสำคัญ เช่น ทองแดง”⁣

ธนาคารยูบีเอสกล่าวเสริมว่า นี่อาจหมายถึงภาคการผลิตจะต้องแข่งขันเพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ในตลาดน้ำมัน ที่ซึ่งมีการลงทุนต่ำในลักษณะคล้ายๆ กันนี้ กลุ่ม OPEC+ ผู้ผลิตน้ำมันมีกำลังการผลิตน้ำมันสำรองอย่างจำกัด หรือไม่มีการสำรองเลย⁣

“เรายังเห็นถึงความคลาดเคลื่อนของอุปทานในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ด้านการเกษตรที่จะส่งผลกระทบในปี 2023 โดยเริ่มต้นมาจากสงครามยูเครน ราคาพลังงานที่สูง การขาดแคลนแรงงาน และความท้าทายเกี่ยวกับสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงที่ยังคงอยู่”

#เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต

อิสรภาพชีวิต !! อยู่ไหนก็ไม่พลาด อย่าลืมกดติดตามนะครับ หรือเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้เลย

ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน คลิกเลย

#ถ้าไม่อยากพลาดแนวคิดการลงทุนและไอเดียการลงทุนดี ๆ อย่าลืมกด subscribe และ กดกระดิ่งนะครับ คลิกเลย

Exit mobile version