Charlie Munger ได้คลุกคลีอยู่กับการบริหารจัดการลงทุนมาอย่างยาวนาน และมหาเศรษฐีได้ออกมากล่าวว่า มันเป็นเรื่องยากที่คนรุ่นใหม่จะทำเงินและรักษาเงินได้
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์มีการประชุมประจำปีของบริษัท Daily Journal Corporation โดย Munger ได้กล่าวว่า ความสำเร็จในการลงทุนระดับโลกนั้นเป็นสิ่งที่ยากมากขึ้นในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
และเขายังกล่าวว่า ค่าครองชีพที่เพิ่มมากขึ้นในสหรัฐอเมริกาเพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีตเยอะมาก เพราะภาวะเงินเฟ้อ
“มันเป็นเรื่องยากที่กลุ่มคนจบใหม่จากมหาวิทยาลัยในยุคนี้….ที่จะรวยมากขึ้นและจะรักษาความรวยเอาไว้” Munger ในวัย 98 ปี กล่าว “ลองมองไปที่ต้นทุนการเป็นเจ้าของบ้านในพื้นที่ละแวกที่อยากได้อย่างเมือง Los Angeles สิครับ”
ในปี 1980 ช่วง 2 ปีหลังจากที่ Munger ได้ก้าวมาเป็นรองประธาน บริษัท Berkshire Hathaway ราคาบ้านในแคลิฟอร์เนียในเวลานั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 80,055 เหรียญ โดยเมื่อปรับราคาจากอัตราเงินเฟ้อเท่ากับว่า ราคาบ้านจะมีมูลค่าอยู่ที่ 275,600 เหรียญในวันนี้
แต่สำนักงานสถิติแรงงานที่ได้ระบุว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ราคาบ้านราคาเฉลี่ยในแคลิฟอร์เนียมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 800,000 เหรียญเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สอดคล้องกับ California Association of Realtors
ในทางกลับกัน Munger กล่าวว่า มันเป็นเรื่องยากที่คนรุ่นใหม่ในวันนี้จะได้รับคำแนะนำการลงทุนแบบเดียวแล้วสามารถใช้ได้กับทุกคน
เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่เขาได้แนะนำให้มีการกระจายความเสี่ยงในหุ้น ซึ่งกลยุทธ์นี้จะทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนราว ๆ 10 % ด้วยกัน
แต่มันก็ไม่ได้เป็นกลยุทธ์ที่การันตีว่าจะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการลงทุนที่มีความซับซ้อน “ผมไม่คิดว่าในอนาคตคนจบใหม่ในปีนี้จะมีจังหวะโอกาสในการลงทุนได้ง่ายอีกแล้ว” Munger กล่าว
ไม่ได้หมายความว่า คนรุ่นใหม่จะทำเงินอย่างชาญฉลาดไม่ได้ แต่จะต้องใช้ความอดทน ในช่วงที่มีการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท Berkshire Hathaway ปี 2020
คุณปู่บัฟเฟตต์ เคยแนะนำว่า หลีกเลี่ยงการถือหุ้นรายตัว แต่ให้ลงทุนในดัชนีตลาด S&P 500 โดยเน้นไปที่ดัชนี ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำและเข้าไปถือหุ้นขนาดใหญ่ 500 ตัวของบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
กลยุทธ์แบบนี้เป็นกองทุนดัชนีและเป็นการลงทุนแบบ passive ล้อไปกับดัชนี ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในหุ้นแต่ละตัวในช่วงที่คาดการณ์สถานการณ์ไม่ได้