คุณ Ben Bernanke อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ กล่าวว่าธนาคารกลางผิดพลาดในการรอคอยที่จะแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อที่กลายเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1980
Bernanke เป็นผู้ที่นำธนาคารกลางสหรัฐผ่านวิกฤตการเงินในปี 2008 และเป็นผู้นำในการขยายนโยบายการเงิน พิมเงินออกมาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยบอกว่าปัญหาในการดำเนินการเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อนั้นเป็นเรื่องที่ “ซับซ้อน”
“คำถามคือทำไมพวกเขาถึงล่าช้า … ทำไมพวกเขาถึงรับมือได้ช้ามาก?
ผมคิดว่าเมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นด้วยว่า ใช่ มันคือความผิดพลาด” นี่เป็นสิ่งที่คุณ Bernanke บอกกับ CNBC
ธนาคารกลางสหรัฐถูกเรียกร้องให้ดำเนินการเชิงรุกเมื่อเกิดการระบาดใหญ่ของโควิดในเดือนมีนาคม 2020 การรับมือกับวิกฤตส่วนใหญ่มีรูปแบบและวิธีการเหมือนวิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต แต่เม็ดเงินรอบที่เจอวิกฤตโควิดมีมูลค่าสูงกว่ามาก
ตอนนี้เฟดกำลังเข้มงวดนโยบายด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดการถือครองพันธบัตรที่จะเริ่มในเดือนมิถุนายน
อย่างไรก็ตาม เฟดกำลังเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารอนานเกินไปที่จะถอนมาตรการทางการเงินออก และขณะนี้ต้องเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงถึง 8.3% ต่อปี
“เหตุผลหนึ่งก็คือพวกเขาไม่ต้องการทำให้ตลาดตกใจ” เขาอธิบายต่อว่า “คุณ Jay Powell อยู่ในบอร์ดระหว่างการถอนมาตรการการเงินในปี 2013 ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าพอใจมาก
เขาต้องการหลีกเลี่ยงเรื่องแบบนั้นด้วยการเตือนผู้คนให้มากที่สุด และการดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไปก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เหตุผลที่เฟดไม่ตอบสนองต่อแรงกดดันเงินเฟ้อในช่วงกลางปี 2020 เร็วขึ้น”
ในช่วงปลายฤดูร้อนปี 2020 ธนาคารกลางสหรัฐได้เปลี่ยนกรอบนโยบายเพื่อระบุว่าจะปล่อยให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นกว่าปกติเพื่อฟื้นฟูตลาดแรงงานให้แข็งแรง
โดยเมื่ออัตราเงินเฟ้อเริ่มวิ่งสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟดในฤดูใบไม้ผลิปี 2021 ผู้กำหนดนโยบายกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราวที่เป็นผลจากการระบาดใหญ่ซึ่งในที่สุดจะค่อยๆมีความกังวลลดลง
แต่พอเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อยังเร่งตัวสูงขึ้น และค้างเป็นเวลานาน พวกเขาเริ่มใช้ “คำพูดบอกไว้ล่วงหน้า” เพื่อบอกตลาดว่านโยบายที่เข้มงวดขึ้นกำลังจะเริ่มต้น
ทั้งนี้มีการเปรียบเทียบอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันกับช่วงภาวะเงินเฟ้อรุนแรงในช่วงปลายทศวรรษ 1970 และต้นทศวรรษ 80
ประการหนึ่ง เฟดในปัจจุบันมีความน่าเชื่อถือมากกว่าในการรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ และมีการสนับสนุนจากสาธารณชนมากขึ้นสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
“มีการสนับสนุนมากมายสำหรับข้อเท็จจริงที่ว่าเฟดกำลังเข้มงวดในตอนนี้ แม้ว่าเราจะเห็นผลกระทบในตลาดอย่างชัดเจนก็ตามแต่เราก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากยุค 1970”