เมื่อเฮีย Ray Dalio มองว่าเรากำลังจะเจอวิกฤติเหมือนช่วง 1930

1081

มาอีกแล้วครับ! ความรู้ดีๆจากเฮีย Ray Dalio สุดยอด Hedgefund แห่งยุคนี้ (กองทุนใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่า 5 ล้านล้านบาท)

 

#ลงทุนนอกโลก #ถามอีกกับอิก

 

ตอนนี้ภาพรวมการลงทุนกำลังจะเจอความผันผวนและความวุ่นวาย คล้ายกับช่วงปี 1930 จากหลายปัจจัยด้วยกันครับ

 

1. ธนาคารกลางประเทศต่างๆมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยลง

 

2. ความเหลื่อมล้ำทางสังคมและนโยบายประชานิยมทางการเมือง

 

3. ความขัดแย้งระหว่าง ผู้ท้าชิงความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกอย่างจีน กับมหาอำนาจเบอร์ 1 ของโลกตอนนี้อย่างสหรัฐ

 

“จากปัจจัยทั้งสามข้อนี้ ถ้าหากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะขาลง ถดถอย จะทำให้เกิดปัญหาหนักหน่วง งานเข้าแบบสุดๆครับ” เฮีย Ray Dalio ฟันธงว่า สถานการณ์ความวุ่นวายจะละม้ายคล้ายคลึงกับช่วงปี 1930 ครับนั่นหมายความว่า ตลาดพันธบัตรจะถึงจุดพีคหนัก, ทองคำจะพุ่งแรง

 

================

 

เฮีย Ray Dalio เล่าต่อว่า ตอนนี้ปัจจัยหลักๆที่มีผลต่อทั้งเศรษฐกิจและตลาดเงิน ตลาดทุน มีดังนี้ครับ

 

1)ผลิตภาพ productivity, 

 

2) หนี้ระยะสั้นและวงจรธุรกิจ, 

 

3) วงจรหนี้ระยะยาว, 

 

4) การเมือง (ทั้งภายในประเทศและการเมืองระหว่างประเทศ) เค้าไม่ได้บอกว่าเป็นประเทศไหนนะครับ 5555

 

================

 

เฮียอธิบายต่อครับว่า ในขณะที่ความสมดุลของเศรษฐกิจและการลงทุนมีอยู่ 3 ด้านด้วยกันครับ

 

คือ 1) การเติบโตของภาระหนี้สิน ที่เป็นไปตามการเติบโตของรายได้ (รายได้ต้องมากเพียงพอที่จะจ่ายภาระหนี้สิน)

 

2) เศรษฐกิจต้องไม่ร้อนแรงเกินไป (เพราะจะทำให้เกิดปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่มากเกินไป และทำให้เศรษฐกิจไม่มีประสิทธิภาพ) และเศรษฐกิจเองก็ไม่ควรเติบโตต่ำเกินไป (เหตุผลคือ เศรษฐกิจที่ไม่ดี จะทำให้เกิดความเสียหาย และอาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง)

 

3) คาดการณ์ผลตอบแทนของเงินสด ต่ำกว่าผลตอบแทนของพันธบัตร และต่ำกว่าคาดการณ์ผลตอบแทนหุ้น และสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ

 

================

 

โดยทั่วไปรัฐบาลประเทศต่างๆก็มักจะใช้สองเครื่องมือในการบริหารจัดการให้เศรษฐกิจหรือการลงทุนกลับเข้าสู่ภาวะสมดุล นั่นคือ มาตรการทางการเงิน และมาตรการทางการคลังครับ

 

“แต่จุดสมดุล ก็มักจะเคลื่อนย้ายไปมา เหมือนกับเป็นเครื่องยนต์ที่เคลื่อนไหวได้ตลอด” สุดยอด Hedgefund สุดเท่เปรียบเทียบให้เห็นภาพครับ โดยแกมองว่าในท้ายที่สุดสถานการณ์ก็จะทำให้เรากลับเข้าสู่จุดสมดุลได้เสมอ

 

“เมื่อไหร่ก็ตามที่เศรษฐกิจหรือการลงทุนหลุดออกจากจุดสมดุลไปมาก” “ก็จะมีแรงหรือการใช้นโยบายของภาครัฐที่จะทำให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะสมดุลได้อีกครั้ง”

 

เฮียแกยกตัวอย่างว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่อัตราการเติบโตเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อร่วงลงต่ำกว่า ระดับจุดสมดุล ทางด้านธนาคารกลางต่างๆก็จะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น เมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากพันธบัตร, เทียบกับผลตอบแทนของหุ้น, และเทียบกับตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเลขคาดการณ์ผลตอบแทนของพันธบัตร, ตลาดหุ้น และอัตราเงินเฟ้อ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเช่นกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เช่น ถ้าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจเติบโตชะลอตัวลง ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง และราคาหุ้นก็ร่วงลง

 

การร่วงลงของราคาและผลตอบแทนเหล่านี้จะร่วงลงต่อไปจนกว่า ตัวเลขภาระหนี้สิน และอัตราการเติบโตของตัวเลขใช้จ่ายจะสูงขึ้น และจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มมากขึ้น

 

“นี่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และจะส่งผลต่อนโยบายการเงินและการคลัง” พูดให้เข้าใจง่ายๆคือ ธนาคารกลางประเทศต่างๆก็จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่น อาจจะอัดฉีดเม็ดเงิน หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

 

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีและการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับแรงกระตุ้นทางการเมืองได้เช่นกัน

 

================

 

แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ละ เป็นยังไงครัช?

 

1. “ความเห็นของผมคิดว่า สิ่งที่กำลังเกิดตอนนี้คล้ายกับช่วงปี 1930 อย่างมาก”

 

2. เหตุผลคือตอนนี้ พวกเราเข้าใกล้ถึงจุดจบของวงจรหนี้ระยะสั้นและระยะยาว ในสกุลเงินสำรองใหญ่ที่สุดในโลก 3 สกุลเงิน

 

3. นอกจากนี้ภาระหนี้สินที่เป็นตัวเงิน และภาระหนี้สินที่ไม่ได้เป็นตัวเงิน เช่น ภาระการรักษาพยาบาลและบำเหน็จบำนาญ ที่ตอนนี้มากกว่ารายได้ที่เรามี จนทำให้ถึงจุดหนึ่งเราอาจจะไม่สามารถจ่ายคืนได้

 

4. ยังไม่หมดครับ…. ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอีกอย่าง คือปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม (ทางรายได้) และปัญหาทางการเมือง ที่กำลังทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งภายในหลายๆประเทศ (ไม่ได้เจาะจงนะค้าบบ ว่าประเทศอะไร) และตอนนี้กำลังมีปัญหาความแตกต่างทางความคิดแบบสุดโต่งระหว่าง ระบบทุนนิยมและระบบสังคมนิยม

 

5. ไม่ใช่แค่นี้ครับ….. นโยบายต่างประเทศก็สำคัญครับ เช่น การผงาดของมหาอำนาจอย่างจีน ที่กำลังท้าชิงความเป็นมหาอำนาจของโลก กับแชมป์เก่าอย่าง สหรัฐ ซึ่งตอนนี้กำลังทำให้เกิดปัญหาต่างประเทศอย่างหนักหน่วง และในท้ายที่สุดก็อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของระบบ การจัดระเบียบโลก

 

6. และอีกหนึ่งประเด็น คือ คือการคาดการณ์ผลตอบแทนของพันธบัตร ที่เริ่มลดลงเมื่อเทียบกับผลตอบแทนของเงินฝากที่ธนาคารกลางให้

 

================

 

เฮีย Ray Dalio ฟันธงนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางมีผลกระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยลง

 

“ผมมั่นใจว่า ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในช่วงปลายวงจรหนี้สินระยะยาว” “เพราะฉะนั้นจึงมั่นใจว่า ความสามารถของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคาร ในการที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจขาลง เริ่มที่จะมีผลน้อยลงครับ” ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น

 

1) ”นโยบายลดดอกเบี้ย” ตอนนี้จะเห็นว่า นโยบายลดดอกเบี้ยเริ่มไม่ได้ผลแล้ว เพราะตอนนี้ดอกเบี้ยต่ำเตี้ยเรี่ยดินแบบสุดๆ เพราะฉะนั้นการที่จะลดดอกเบี้ยให้มากพอที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ย่อมไม่ได้ผลแล้ว

 

2) ”การพิมพ์เงินและการเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงิน” นโยบายนี้ก็ไม่เวิคเช่นกันครับ เพราะไม่สามารถที่จะทำให้เม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจที่แท้จริงได้ (เพราะส่วนใหญ่เข้าไปซื้อสินทรัพย์ทางการเงินมากกว่า) ทำให้นำไปสู่นโยบายข้อถัดไปครับ

 

3) การใช้นโยบายขาดดุลงบประมาณครั้งใหญ่ จะทำให้เกิดปัญหาทั้งด้านการเมือง และปัญหาที่ขาดวินัยการเงิน การคลังตามมา

 

================

 

สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ นโยบายของธนาคารกลางหลายๆประเทศจะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่ำมาก และจะทำให้เกิดการพิมพ์เงิน เพื่อนำไปซื้อสินทรัพย์ทางการเงิน

 

เหตุผลคือธนาคารกลางอยากจะกำหนดให้ดอกเบี้ยระยะสั้นต่ำมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะภาระหนี้สินและภาระเรื่องรักษาพยาบาลรวมถึงบำเหน็จบำนาญ มีมูลค่ามหาศาลมากๆ และกำลังจะใกล้ถึงกำหนดจ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะเศรษฐกิจอ่อนแอและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ต่ำมาก

 

“ความคาดหวังของธนาคารกลางประเทศต่างๆ คือ อยากจะทำให้ผลตอบแทนของเงินสด อยู่ต่ำกว่าผลตอบแทนของพันธบัตร” แต่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จเพราะหลายเหตุผลด้วยกันครับ

 

1. อัตราผลตอบแทนตอนนี้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินแบบสุดๆ

 

2. คาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อต่ำมาก ซึ่งทำให้เกิดการลดการคาดการณ์ผลตอบแทนของตลาดหุ้น

 

3. อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงต่ำมากๆ เพราะมีภาระหนี้สินมากที่กำลังจะถึงกำหนดจ่าย

 

4. การที่ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงิน ทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเริ่มีการใช้นโยบายประชานิยมของพรรคการเมืองมากขึ้น

 

เฮีย Ray Dalio อธิบายว่าสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในช่วงที่นักลงทุนได้กู้เงินเพิ่มมากขึ้น เพราะเจอภาวะดอกเบี้ยต่ำและมีสภาพคล่องมาก ผลก็คืออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นต่ำ ในขณะที่ธนาคารกลางของหลายประเทศเองก็พยายามควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในระยะยาว และควบคุม yield curve เหมือนกับช่วงที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1930 ไปจึงถึงช่วงทศวรรษที่ 1940

 

================

 

คุณ Ray Dalio มองทองคำยังไง?

 

“ถ้าดูจากกราฟในอดีต จะเห็นว่าในช่วงปี 1980-1982 อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรพุ่งถึงจุดพีค ตามอัตราเงินเฟ้อ ก่อนที่จะร่วงลงมา” ทองคำเองก็เช่นกัน

 

แต่ถ้าย้อนไปก่อนหน้านั้นจะเห็นว่าทองคำ เพิ่งจะเข้าสู่ภาวะกระทิง วิ่งฉิว นับตั้งแต่ปี 1971 ครับ ตอนนั้นเกิดเหตุการณ์ที่ระบบการจัดการเงิน Bretton Boods ได้ถูกยกเลิกที่เคยผูก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้เข้ากับทองคำ แล้วหลังจากนั้นระบบใช้เงินกระดาษที่เราใช้ในทุกวันนี้ครับ

 

การะยกเลิกระบบ Bretton Woods ครั้งนั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของระบบการเงินโลก

 

================

 

สถานการณ์ตอนนี้ มีอัตราเงินเฟ้อไม่สูงมากนัก แม้ว่าเศรษฐกิจโลกและตลาดเงินตลาดทุน ใกล้จุดสูงสุด และแม้ว่ายังอยู่ในช่วงที่ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังพิมพ์เงินออกมามากก็ตาม

 

“การที่จะเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ ผมแนะนำให้ศึกษาช่วงปี 1935-1945” แต่เฮีย Ray Dalio พยายามจะอธิบายว่า เหตุการณ์อาจจะไม่ได้เหมือนกันเปะๆหรอกครับ แต่แค่อยากจะเปรียบเทียบให้เห็นทั้งเหตุและผลที่มีความคล้ายกันมาก

 

1. ใกล้ที่จะจบวงจรหนี้ระยะสั้นและระยะยาว

 

2. ปัญหาการเมืองภายในประเทศที่เป็นผลมาจากความเหลื่อมล้ำทางสังคม และความขัดแย้งระหว่างแนวคิดของทุนนิยมและสังคมนิยม

 

3. ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ที่เป็นผลจากการแย่งชิงความเป็นมหาอำนาจของโลก

 

ดังนั้นเราควรที่จะศึกษา ทำความเข้าใจถึงกลไกที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และเรียนรู้ว่าอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง และวิธีที่จะกระจายความเสี่ยงมากพอที่จะช่วยปกป้องความเสี่ยงจากการลงทุน

 

แต่สรุปคือ ดูเหมือนแกจะไม่ค่อยชอบ ตลาดพันธบัตร แต่ชอบทองคำนะครับ

 

================

 

ตอนนี้เรากำลังยกเลิกการส่งไลน์แอด และไปส่งผ่าน Telegram ถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลและแนวคิดดีๆ แอดมาโลด

เด้อ https://t.me/TAM_EIG

 

Download Telegram

 

สำหรับ Android: https://play.google.com/store/apps/details…

 

สำหรับ IOS: https://apps.apple.com/us/app/telegram-messenger/id686449807

 

——————

 

ไม่อยากพลาด! อย่าลืมกดติดตามนะครับ

 

เกาะติดทุกสถานกาณ์ Facebook page: http://bit.ly/30BE1Ul

 

ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน Telegram: http://bit.ly/2JiYoyf

 

อ่านข้อมูลแบบกระชับ Twitter: http://bit.ly/TAM-EIG_Twitter

Picture of TAM-EIG

TAM-EIG

1081

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
error: Content is protected !!