Jeremy Siegel ศาสตราจารย์แห่ง Wharton กล่าวถึงความกังวลจากการที่ Fed ใช้นโยบายเข้มงวดมากเกินไปจนทำให้ตลาดหุ้นตก และมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯมีโอกาสเด้ง 30% ปีหน้า
แม้มีความกังวลจากการที่ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปจนทำให้ราคาหุ้นตกต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม หากนโยบายนี้จบลงจะทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯเด้งกลับขึ้นมาครั้งใหญ่ในปีหน้า
เขากล่าวถึงแนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐ “ผมไม่แปลกใจถ้าอีกหนึ่งปีครึ่งหลังจากนี้ ตลาดจะเด้งอีก 20% ถึง 30% ผมคิดว่าระยะยาว ตลาดหุ้นถูก Undervalued มากไป”
Siegal แสดงจุดยืนว่าตลาดจะมีแนวโน้มที่ดี แม้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นใน Wall Street เตือนถึงภาวะถดถอยที่อาจจะเกิดขึ้น
ความกังวลหลัก ๆ มาจากการที่ Fed ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสู้กับเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง
แต่ Siegal มองว่าแรงกดดันจะคลี่คลายลงในไม่ช้า เนื่องจากตัวชี้วัดเงินเฟ้อกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว
เขาชี้ไปที่ราคาบ้าน ซึ่งคิดเป็น 40% ของดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index) ที่ลดลงก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ช้าไป 18 เดือน
หมายความว่าในขณะที่อัตราเงินเฟ้อสูงถึง 8.2% แต่มองว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่แท้จริงอาจเบากว่าที่เห็น
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ก็ให้ความเห็นในทางเดียวกัน
Tom Lee แห่ง Fundstrat คาดว่า S&P500 อาจพุ่งขึ้นถึง 39% จากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลง ไม่ว่าจะเป็น ด้านราคาสินค้าโภคภันฑ์ และ อัตราการจ้างงาน
แต่ยังมีความเสี่ยงที่น่ากังวลคือ Fed กลับเพิกเฉยต่อตัวชี้วัดเหล่านั้นและยืนยันว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อไป จนอาจส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดความตึงเครียด และนำไปสู่การเกิดภาวะถดถอยในเศรษฐกิจสหรัฐฯ และที่แย่ไปกว่านั้นคืออาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในท้ายที่สุด Siegel เตือน
ตลาดแสดงความกังวลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเมื่อตัวเลข CPI เดือนกันยายนออกมาเหนือความคาดหมาย พร้อมุมมองที่หนักแน่นอของ Fed ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% จนทำให้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้น
“ทั้งความกังวลจากนโยบายที่ตึงตัวของ Fed และโอกาสเกิด Recession ทำให้ตลาดหุ้นร่วงลงในขณะนี้” Siegel กล่าว
Fed ตั้งเป้าอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3-3.25% และธนาคารกลางประเมินว่าจะหยุดปรับดอกเบี้ยขึ้นเมื่อดอกเบี้ยขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่ประมาณ 4.5%-5%
เขากล่าวอีกว่า “ในระยะยาว ตลาดหุ้นสหรัฐฯ น่าจะสดใส และจะแข็งแกร่งมากในระยะสั้น หากหาจังหวะเข้าซื้อที่จุดต่ำสุดได้ ก็มีโอกาสทำกำไรได้มากทีเดียว”