คุณรัน คุณนิรันดร์ ประวิทย์ธนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้งเอวา แอดไวเซอรี่ (AVA Advisory) ได้ออกมาพูดถึงสเน่ห์ของญี่ปุ่นที่นักลงทุนมองข้ามว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นตอนนี้เข้าสู่ภาวะชะงักงันมาร่วมกว่า 3 ทศวรรษแล้ว ทำให้ญี่ปุ่นเป็นไม่กี่ประเทศในโลกที่ยังคงดอกเบี้ยระดับต่ำไว้ได้ เพราะเศรษฐกิจยังคงเดินหน้าต่อไปได้พร้อม ๆ กับเงินเฟ้อที่ยังต่ำมาก เงินเฟ้อที่ต่ำทำให้ต้นทุนทางการเงินในการขยายธุรกิจต่ำกว่าประเทศอื่นๆ การลงทุนจึงมีความคุ้มค่ามากกว่า นอกจากนี้สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง ๆ ก็คือ ค่าเงินเยนเริ่มมีการอ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
ตอนนี้ญี่ปุ่นเจอกับปัญหาเงินฝืดที่ลากยาวมามากกว่า 30 ปีแล้ว ตั้งแต่ที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเจอกับภาวะฟองสบู่แตกในช่วงประมาณยุค 80-90 ที่ธุรกิจของญี่ปุ่นเริ่มบูมมากจนทำให้เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มมีความสั่นคลอนขึ้นมา ถ้าหากใครจำได้ในช่วงยุค 80 ตอนนั้นประเทศสหรัฐอเมริกาได้บังคับให้ญี่ปุ่นเซ็นต์ข้อตกลงที่ทำให้เงินเยนของญี่ปุ่นต้องแข็งค่าขึ้นตามข้อตกลงนี้ ในช่วงยุค 90 ญี่ปุ่นเริ่มมีเงินลงทุนเข้ามาในประเทศมากขึ้น ตอนนั้นดัชนี NIKKEI ของญี่ปุ่นวิ่งจาก 10,000 จุดมาเป็น 38,000 จุดภายในระยะเวลาไม่กี่ปีด้วยกัน จนกระทั่งสุดท้ายพอเงินเยนแข็งค่ามาก ทำให้ญี่ปุ่นเริ่มเจอกับปัญหาใหญ่เนื่องจากตอนนั้นญี่ปุ่นพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก พอตลาดส่งออกพัง ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟองสบู่แตก หลังจากนั้นทำให้ผู้คนเริ่มไม่มั่นใจในเศรษฐกิจญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนคำถามที่ว่า หากเศรษฐกิจญี่ปุ่นพัง จะกระทบไปถึงทั่วโลกหรือไม่นั้น เมื่อมาดูในช่วงที่ค่าเงินบาทพังแล้ว ใครจะคิดได้ว่าสกุลเงินเล็ก ๆ ของประเทศไทยจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกได้ เห็นได้ว่าช่วงนั้นพอเงินบาทพัง ประเทศเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นก็ได้รับผลกระทบด้วย คิดว่าหากค่าเงินเยนพัง ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะหนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งอย่างแน่นอน คิดภาพว่าเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นที่มีมูลค่ามากถึงอันดับ 2-3 ของโลกนี้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เรื่องของการเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้หรือการผิดนัดชำระหนี้ก็ดีนั้น จะส่งผลสะเทือนอย่างรุนแรงมากอย่างแน่นอน