คุณจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย ได้มองผลกระทบราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนเอาไว้ว่า หากไม่มีเรื่องของสงครามเข้ามาและเมื่อดูปัจจัยพื้นฐาน ราคาน้ำมันควรที่จะอยู่ประมาณ 70 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นต้นทุนสุดท้ายของผู้ผลิตน้ำมันที่นำน้ำมันเข้ามาในตลาด อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากความกังวลจากมาตรการคว่ำมาตรและอุปสงค์ที่เติบโตต่อไปเรื่อย ๆ ขณะที่ไม่มีกำลังการผลิตขึ้นมาในฝั่งอุปทาน
สงครามรัสเซีย-ยูเครน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวขับเคลื่อนราคาน้ำมัน เนื่องจากรัสเซียมีการผลิตน้ำมันอยู่ที่ 11 ล้านบาร์เรล ส่งออกน้ำมัน 7 ล้านบาร์เรล หากรัสเซียหยุดการส่งออกน้ำมันไม่ว่าจะตั้งใจหรือโดนชาติอื่นคว่ำบาตร ก็ไม่มีประเทศไหนสามารถผลิตน้ำมันเข้ามาทดแทนอุปทานที่หายไปของรัสเซียได้เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เป็นเหตุผลให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าจะหาจุดที่อุปสงค์และอุปทานลงตัวได้
สำหรับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจนั้น มองว่าเวลานี้ราคาน้ำมันยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่จะเพิ่มในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ และถือเป็นระดับที่ทำให้เศรษฐกิจมีการชะลอตัวอย่างรุนแรง จนถึงจุดหนึ่งที่อุปสงค์มีการหดตัว ก็จะมีการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงจนต้องใช้เวลาในการกระตุ้นกลับมา