ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร บิดานักลงทุนหุ้นคุณค่าของไทย ได้พูดถึงสถานการณ์ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงทั่วโลกเอาไว้ว่า ตอนนี้ตลาดหุ้นในภาพรวมมีการปรับตัวลดลงที่ไม่น้อยและไม่มากเกินไป ตลาดหุ้นเปรียบเสมือนกับหมอดูหรือโหราจารย์ที่ทรงพลัง ยิ่งเหตุการณ์ใหญ่ ๆ แบบนี้แล้ว เกมนี้รัสเซียดูเหมือนจะพังและเสียหายหนักที่สุด เพราะดูตัวเลขแล้วเห็นว่า ตลาดหุ้นรัสเซียตกลงมาที่ 25 % ภายในวันเดียว และค่าเงินในประเทศรัสเซียอ่อนค่าลงประมาณ 10 % สรุปแล้วภายในวันเดียวตลาดหุ้นตกลงมาประมาณ 30-50 % คิดเป็นเงินหลายล้านล้านบาทด้วยกัน
เวลานี้ตลาดหุ้นรัสเซียมีค่า P/E ประมาณ 7 % มีค่า Dividend Yield อยู่ที่ 11 % ทำให้ไม่มีใครอยากเข้ามาลงทุนด้วย ซึ่งนี่ถือเป็นความเสียหายที่หนักที่สุดของรัสเซียและเป็นความพ่ายแพ้ของปูติน ตามประวัติศาสตร์แล้วสงครามสร้างความเสียหายมากที่สุด แม้แต่ผู้ชนะเองก็ยังเสียหาย ยิ่งการทำสงครามในช่วงหลัง ๆ แล้ว เป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่า และตอนนี้ประเทศต่าง ๆ ในแถบยุโรปที่ใกล้ชิดกับประเทศรัสเซีย เป็นฝ่ายที่เสียหายรองลงมา เช่นประเทศเยอรมนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลง 5 %, ประเทศอังกฤษปรับตัวลดลง 3 % ตลาดหุ้นที่ได้รับความเสียหายรองลงมาจะเป็นตลาดสาย High Tech อย่างเช่นตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq, หุ้นไต้หวัน โดยรวมแล้วมีการปรับตัวลดลงที่ประมาณ 2.6% -2.7 %
ผมเป็นคนชอบศึกษาประวัติศาสตร์ จากที่ศึกษาประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 มา และเมื่อมาดูสถานการณ์นี้แล้วค่อนข้างน่าตกใจ เพราะครั้งนี้เหมือนเป็นสงครามโลกขนาดเล็กที่กำลังฉายซ้ำ สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีเหตุการณ์ที่มีความคล้ายคลึงกันอยู่ ที่ประเทศรัสเซียเวลานี้มีความคล้ายกับประเทศเยอรมนีในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 คือเยอรมนีพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งฮิตเลอร์ได้ขึ้นมามีอำนาจพร้อมกับทำการล้างแค้น มีความเด็ดขาด จะต้องสร้างอาณาจักรเยอรมนีขึ้นมาใหม่ชื่อ อาณาจักรไรซ์ที่ 3
สงครามสมัยใหม่เป็นสงครามที่ฆ่ากันด้วยเศรษฐกิจ และด้วยสงครามข้อมูลข่าวสาร ทั่วโลกการอาจมีการพยายามล้มปูติน เพราะเมื่อเริ่มมีคนล้มตายแบบนี้แล้ว คนรัสเซียเองที่อาจจะมีการประท้วงให้สงครามครั้งนี้ยุติลง ซึ่งสมัยนี้เป็นไปได้ ไม่เหมือนกับสมัยก่อน
คาดว่าประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่จะได้ผลกระทบทางอ้อม อย่างเช่นราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่วนกลยุทธ์การลงทุนนั้น อยากให้คิดว่าหุ้นตัวไหนที่ถือแล้วจะเจ็บที่สุด แต่ถ้าหากถือหุ้นที่มีพื้นฐานดี ไม่ใช่หุ้นเก็งกำไร ราคาหุ้นก็จะอิงกับพื้นฐานและมีแนวโน้มเป็นหุ้นที่มีกำไรและจ่ายปันผลให้เราทุก ๆ ปี ซึ่งหากซื้อหุ้นแล้วอยากให้ลองกลับไปคิดว่า หุ้นตัวนี้ให้อะไรให้กับเรา