คุณแบงค์ สถาพน พัฒนะคูหา กรรมการผู้จัดการ สมาร์ทแคนแทรคท์ ได้พุดถึงจุดเริ่มต้นของ Web 3.0 โดยได้พูดถึงที่มาที่ไปกว่าที่จะมาถึง Web 3.0 ว่า Web 1.0 จะมุ่งเน้นในเรื่องของการอ่านข้อมูลมากกว่า ส่วน Web 2.0 นั้นจะมุ่งเน้นในเรื่องทั้งการอ่านและการเขียน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมานั้น ระบบอินเทอร์เน็ตยังไม่มีการเก็บข้อมูลที่ดีมากพอ ไม่มีระบบการจดจำที่มีประสิทธิภาพมากนัก
ปัจจุบัน Web 3.0 เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในเรื่องของการจดจำข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการให้สิทธิผู้ใช้ในการเป็นเจ้าของความเป็นส่วนตัวทางด้านข้อมูล มีความปลอดภัยมากขึ้น ส่วนคำถามที่ว่า Web 1.0 กับ Web 2.0 มีโอกาสที่จะหายไปหรือไม่นั้น คุณแบงค์มองว่า ส่วนตัวแล้ว Web 1.0 กับ Web 2.0 จะยังคงอยู่ต่อไปไม่หายไปไหน
ในการเป็นเจ้าของข้อมูลส่วน Public Data กับ Asset นั้น คุณแบงค์เห็นว่า Web 3.0 จะช่วยให้ผู้ใช้ทุกคนเป็นเจ้าของข้อมูลและนำข้อมูลตรงนี้ไปขายทอดตลาดได้ โดยที่ผู้ใช้จะได้รับผลตอบแทนเป็นรูปแบบของเหรียญโทเคน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า Web 3.0 นี้จะมีขยายความเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนอื่น ๆ ได้อีกด้วย
คุณแบงค์ยังได้พูดถึงระบบ Public Blockchain กับ Private Blockchain เอาไว้ว่า สำหรับเทคโนโลยีบล็อกเชนนั้น เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยบันทึกการทำธุรกรรมได้อย่างเท่าเทียมกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านข้อมูลและเข้าถึงข้อมูลได้เหมือนกันหมดทุกคน ในส่วน Public Blockchain ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีได้โดยทันที ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการซื้อเหรียญบิทคอยน์กับ ethereum เป็นต้น ส่วน Private Blockchain นั้น ผู้ใช้จะต้องได้รับการอนุญาตให้มีการเข้าร่วมก่อนถึง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมในองค์กรธนาคาร โดยจะต้องได้รับอนุญาตจากใครบางคนในองค์กรนั้นก่อน
ในส่วนของ NFT นั้น ภาพรวม Demand ของ NFT เวลานี้ยังคงไม่ซบเซา แต่ในช่วงเดือนมกราคมนั้น แนวโน้มมีการชะลอตัวลง โดยตลาด NFT จะเริ่มมีการพัฒนาตลาดขึ้นมาในทางที่ดีขึ้น เป็นช่วงที่ตลาดเริ่มมีการปรับตัว จะต้องยอมรับว่า เวลานี้ NFT เริ่มมีบุคคลที่มีชื่อเสียงหันมาใช้มากขึ้น เพื่อแสดงเป็นสัญลักษณ์ของเสริมสร้างประดับชื่อเสียงให้กับตัวเองขึ้นมา
คุณแบงค์กล่าวต่อไปว่า ตลาด NFT มีการสร้างการเปลี่ยนแปลงในหลายวงการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคุณค่าต่อการเก็บสะสม การซื้อขายงานศิลปะและมีบทบาทต่อโลกเสมือนจริงอย่างเช่น Sandbox หรือแม้แต่วงการเกมสาย Play-to-earn อย่าง Axie Infinity และในอนาคตนั้น Web 3.0 จะเป็นแกนกลางในการนำอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ NFT มารวมเข้าด้วยกัน
ความสำเร็จของ Web 3.0 จะเห็นได้จากแนวโน้มการเติบโตที่รวดเร็วเมื่อเทียบกับ Web 1.0 กับ Web 2.0 คาดว่ารายได้ที่เกิดจาก Web 3.0 นั้น จะสร้างมูลค่ามากกว่า $12.5 ล้านล้านภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า หากว่าโลกของเราไม่มี Web 3.0 ก็จะมีแนวโน้มการเติบโตแบบขนาน หากมี Web 3.0 ระบบออนไลน์จะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับแบบออฟไลน์ ซึ่งคนที่อยู่ในโลกออฟไลน์นั้น จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงตรงนี้เป็นอย่างมาก
คุณแบงค์กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้ทุกคนมอง Web 3.0 เป็นโครงสร้างพื้นฐานชนิดใหม่ที่มีบทบาทต่อการเก็บข้อมูล รวมไปถึงการสร้างรายได้อื่น ๆ ที่เข้ามาเป็นทางเลือกในอนาคต ซึ่งหากใครเข้าใจกลไกของระบบ Web 3.0 นั้น เชื่อว่าคนนั้นมีโอกาสเรียนรู้ได้เร็วกว่าคนอื่น