คุณซัน คุณกระทรวง จารุศิระ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทซุปเปอร์เทรดเดอร์ โฮลดิ้ง จำกัดได้พูดถึงเหตุผลที่พอร์ตของนักลงทุนบางคนไม่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดเอาไว้ว่า แม้ในช่วงนี้ตลาดหุ้นเข้าสู่ Super Bullish (ภาวะกระทิง) เป็นช่วงหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมหาศาล แต่ไม่ได้หมายความว่า หุ้นจะมีการปรับเพิ่มขึ้นทุกตัว เป็นหุ้นที่มีการถูกเลือกให้ไปเก็งกำไรในกลุ่มนั้น สำหรับการปรับ Mindset ที่จะทำให้นักลงทุนอยู่รอดในระยะยาวได้นั้น นักลงทุนไม่ควรที่จะเข้าไปกระโจนตอนที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงแล้ว การทำแบบนี้สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมาจะได้กลับกลายเป็นเสียในที่สุด
ในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้ามาลงทุนนั้น อย่างน้อยที่สุดจะต้องรู้ในสินทรัพย์ไม่เพียงแค่ตลาดหุ้นไทยเท่านั้น แต่จะต้องมีความรู้ในสินทรัพย์ทางการเงินทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นทั่วโลก, เหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่, ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยที่ทุกตลาดนั้นจะมีวัฏจักรของมัน หมายความว่าทุกตลาดต้องมีขึ้นและมีลง บางช่วงเวลาตลาดหุ้นมีการเทรดง่ายยากไม่เหมือนกัน
คุณซันได้แนะนำการค้นหาสไตล์การลงทุนเอาไว้ว่า เรื่องนี้จะต้องมาดูเรื่องของอายุของนักลงทุน ซึ่งแต่ละช่วงวัยมีสไตล์การลงทุนที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น คนที่มีอายุ 20 ปี จะสามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูง สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างเช่น ลงทุนในเหรียญคริปโต เนื่องจากวัยนี้ยังไม่มีภาระมากนักเมื่อเทียบกับคนอายุ 40 ปี ที่มีครอบครัวแล้ว หรือคนที่มีอายุ 60 ปี ซึ่งเป็นวัยเกษียณนั้น ไม่ได้มีงานประจำทำแล้ว เป็นวัยที่ไม่อาจใช้ความเสี่ยงในการลงทุนได้มากนัก ต่อมาจะต้องมาดูเรื่องของเวลา หากคนที่มีเวลาว่างพอที่จะเป็น Full-Time Trader นั้น ก็สามารถใช้สไตล์การลงทุนแบบ Day Trade ได้ หากบางคนมีธุรกิจส่วนตัวหรือมีงานประจำ ก็ต้องใช้สไตล์การลงทุนแบบ Trend Follower หรือ Value investor (VI)
ที่สำคัญก็คือ เรื่องของความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น สภาวะจิตใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สมมุติว่าคุณมีพอร์ตอยู่ 1 ล้าน คุณจะต้องตอบให้ได้ก่อนว่า คุณสามารถยอมรับการขาดทุนได้กี่เปอร์เซ็นต์ บางคนอาจบอกว่า ยอมขาดทุนได้ 50 % บางคนอาจยอมขาดทุนได้ 5 % ซึ่งความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงนี้ จะเป็นตัวบ่งบอกสไตล์การลงทุนได้
เช่นกันสิ่งที่นักลงทุนจะต้องทำความเข้าใจมากที่สุดก็คือ จะต้องรู้จักตัวเอง เพราะบางคนยังไม่รู้ว่า ต้องการอะไรในชีวิต ตัวอย่างเช่น บางคนต้องการรวย แต่ยังไม่รู้ว่า แผนที่จะเข้าไปถึงจุดนั้น แบ่งออกเป็นกี่ข้อ อะไรบ้าง ไม่มีโรดแมพ (Roadmap) ที่ชัดเจน ทุกคนจะต้องเขียนแผนชีวิตของตัวเองและทำการวิเคราะห์ตัวเอง เพราะสิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่ยากและใช้เวลานานกว่าจะตกผนึกได้
ในส่วนของการควบคุมอารมณ์ในการเทรดนั้น อย่าคิดรวยเร็ว อย่าลงทุนแบบหมดหน้าตัก คุณซันได้หยิบยกตัวอย่างประสบการณ์ในการลงทุนหุ้น PTT จำนวน 1 ล้านหุ้น คุณซันยอมรับว่า เป็นการลงทุนที่ไม่มีความสุข มีภาวะเครียดในช่วงที่ราคาหุ้นขึ้นลง ดีที่สุดก็คือ จะต้องลงทุนอย่างไรก็ได้เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกเครียดขึ้นมา เน้นลงทุนแล้วมีความสุขและไปต่อได้เรื่อย ๆ การทำแบบนี้จะช่วยลดความโลภของตัวเองลงไปได้