ข้อคิดสำคัญ จากคุณลุงโฉลก
กฎข้อแรกที่สำคัญที่สุดคือ ‘อย่าตาย’ ต้องอยู่ในตลาดให้รอดก่อน ซึ่งการจะอยู่ให้รอดได้นั้นก็ต้องมีการกระจายความเสี่ยงที่ดีและต้องมีการวางแผนการลงทุนอย่างมีระบบ พออยู่รอดแล้วการจะทำกำไรก็สามารถทำได้ และเมื่อมีรายได้จากการลงทุนอย่างเป็นระบบแล้ว เราก็จะสามารถไปทำงานที่เรารักได้ กฎข้อที่สองคือเรื่อง Mindset เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คุณลุงโฉลกแนะนำ หลัก 3 M คือ 1.) Method หรือ กลยุทธ์การเทรด ซึ่งจะให้ความสำคัญน้อยที่สุดเพียง 1% เท่านั้น 2.) Money Management หรือการบริหารจัดการเงิน ให้น้ำหนักความสำคัญน้อยรองลงมาที่ 4% สิ่งที่ควรให้น้ำหนักมากที่สุดคือเรื่องที่สามคือ 3.) Mindset ที่ให้น้ำหนักความสำคัญถึง 95% เพราะเราต้องมีความมั่นคง และรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ และคู่ต่อสู้ของเราก็คือ “ตัวเราเอง” ดังนั้นเราต้องศึกษาว่าความโลภและความกลัว(Greed & Fear) ของเราคืออะไรและจะจัดการกับมันยังไง ซึ่งคุณลุงโฉลกก็ได้แนะนำการจัดการกับความโลภ คือการบริหารความโลภด้วยปัญญา
แนะนำการจัดพอร์ต
คุณลุงโฉลกแนะนำแบ่งพอร์ตออกเป็น 3 พอร์ต ได้แก่ พอร์ต Store of Wealth หรือพอร์ตที่เอาไว้เก็บสะสมมูลค่า ได้แก่ ที่ดิน ทองคำ เงิน (Silver) และ Bitcoin โดยมองว่า เงิน(Silver) น่าจะมาปีหน้าเพราะมีการใช้งานมากในอุตสาหกรรม พอร์ตที่สอง คือ พอร์ตลงทุน ได้แก่ การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหุ้น หรือคริปโทเคอร์เรนชี แต่การลงทุนต้องมีหลักการ ไม่ใช่การพนัน และพอร์ตสุดท้าย คือ พอร์ตเก็งกำไร ที่อาจลงเป็นการพนันได้ (แต่ก็ต้องเป็นการพนันอย่างมีหลักการ)
มุมมองต่อ Bitcoin
แม้ว่าทองคำเป็นเงิน Layer 1 แต่เนื่องจากทองคำนั้นมีน้ำหนักมาก ทำให้ยากต่อการใช้งานและยากต่อการเก็บรักษาจึงมีเงิน Layer 2 เกิดขึ้นมาโดยที่มีทองคำค้ำไว้อยู่ นั่นก็คือเงินกระดาษ หากไม่มีทองคำเป็นฐาน ทั้งระบบก็พัง แต่ที่ตอนนี้ยังไม่พังก็เพราะว่าคนไม่มีทางเลือก
ต่อมาเมื่อ Bitcoin เกิดขึ้น เงินกระดาษเหล่านี้ก็แทบจะไม่มีค่า เพราะ Bitcoin จะมาแทนเงิน Layer 1
ในระยะสั้นมองว่าราคาของ Bitcoin ลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว และกำลังจะกลับไปเป็นขาขึ้น อย่างไรก็ตามในระยะยาว Bitcoin จะได้รับการยอมรับมากขึ้นและมีอัตราส่วน Stock to Flow ใกล้เคียงกับทองคำมากขึ้น คุณลุงโฉลกยังแอบแนะนำด้วยว่า เมื่อได้กำไรจาก Altcoin แล้ว ให้เอากำไรมาเก็บเป็น Bitcoin