#สรุปOppDay บมจ. (VGI) สำหรับงบปี 2562

1951

 

โดยอิก บรรพต ธนาเพิ่มสุข ที่ปรึกษาการเงิน AFPTtm จากเพจ: ถามอีก กับอิก

 

ไฮไลท์ VGI ที่สำคัญ ๆ

 

1. VGI ตอนนี้เป็น ผู้นำด้านสื่อ ทั้งสื่อออนไลน์ (online) และสื่อออฟไลน์ (offiline) ที่ครบวงจรที่สุดในประเทศไทย  

 

2. สัดส่วนรายได้จาก Digital services (35%), พอๆกับรายได้จาก Transit (35.1%), รายได้จาก outdoor (24%) และ รายได้จากสำนักงาน office (5.8%)

 

3. มีข้อมูลลูกค้าที่จะเข้าถึงได้ตรงเป้าหมาย จากการมีแรบบิท การ์ด (Rabbit Card) และแรบบิท ไลน์เพย์ (Rabbit LINE Pay)

 

4.โดยปัจจุบัน Rabbit Card มีฐานลูกค้ารวม จำนวน 12.6 ล้านราย เติบโต 22.4%

 

5. ส่วน Rabbit LINE Pay มีฐานลูกค้ารวม 7 ล้านราย เติบโต 37.3%

 

========

 

ผลประกอบการของ VGI ทำจุดสูงสุดใหม่

 

 

 

 

1. รายได้ไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 1,867 ล้านบาท เติบโต 25%

 

2. ส่วนต้นทุนการดำเนินงานก็เพิ่มขึ้นเช่นกันครับอยู่ที่ 935 ล้านบาทเติบโต 33.5%

 

3. ในขณะที่กำไรสุทธิตอนนี้อยู่ที่ 401 ล้านบาทเติบโต 29.5%

 

4.D/E ตอนนี้ต่ำมากครับอยู่ที่ 0.1x เท่านั้น

 

========

 

ชวนมาดูไส้ในของรายได้กันบ้างครับ

 

 

 

 

1. รายได้จากกลุ่มธุรกิจแรกคือ Transit Media เริ่มเติบโตอย่างมีนัยยสำคัญ หลังจากที่ปีที่แล้วปรับปรุงให้เป็นสื่อแบบ digital “ไตรมาสล่าสุดนี้มีรายได้ 654 ล้านบาท เติบโต 11.2%”

 

2. รายได้จากกลุ่ม office เองก็เติบโตใช้ได้ครับ 12.4% อยู่ที่ 108 ล้านบาท

 

3. ส่วนรายได้จากกลุ่ม digital service เติบโต 27.6% อยู่ที่ 654 ล้านบาท “เหตุผลหลักๆมาจากการรับรู้รายได้จาก digital lab ที่เน้นสร้างสรรค์แคมเปญโฆษณาออนไลน์โดยใช้เทคโนโลยี และฐานข้อมูลของบริษัทในเครือ”

 

4. รายได้จาก outdoor เติบโตโดดเด่นที่สุดครับ มากถึง 52.1% อยู่ที่ระดับ 450 ล้านบาท “หลัก ๆ มาจากการรับรู้รายได้จากต่างประเทศ”

 

 

 

========

 

มาเจาะลึกอัพเดทธุรกิจของ VGI ครับ

 

1. ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ MACO อนุมัติให้เข้าลงทุนในบริษัท Hello Bangkok LED จำกัด ด้วยสัดส่วนการลงทุน 50% มูลค่า 1,950 ล้านบาท

 

 

 

 

2. นอกจากนี้ยังอนุมัติออกหุ้นเพิ่มทุนแบบ Private Placement ให้กับ Plan B Media ด้วยมูลค่า 1.44 บาทต่อหุ้น มูลค่า 1,553 ล้านบาท

 

3. นอกจากนี้ยังเข้าทำสัญญาบริหารจัดการสื่อโฆษณาในประเทศ กับทางด้าน Plan B

 

4. VGI ถือหุ้นใน MACO น้อยลงจาก 33% เหลือ 26.55% เปลี่ยนจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วมของบริษัท

 

5. ต่อจากนี้ไป MACO จะไม่ถูกรวมเข้ามาในงบแบบตรง ๆ โดย VGI จะทำการปรับปรุงงบย้อนหลังจะได้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลง

 

 

 

 

6. นอกจากนี้ VGI ยังไปบุกขยายธุรกิจไปยังเวียดนาม เพราะมองว่าเวียดนามมีศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมาก เช่นจำนวนประชากรสูงมากถึง 100 ล้านคน

 

“พันธมิตรของเราที่เวียดนามมีป้าย billboard ในเวียดนาม และเป็นผู้เล่นใหญ่ติดอันดับ 3 ของประเทศเวียดนาม” โดยธุรกิจที่นู้นมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นแบบ fragmented ไม่มีเจ้าใหญ่ชัดเจน ไม่ทิ้งห่างคู่แข่งมากมาย

 

========

 

อีกหนึ่งธุรกิจที่น่าติดตามคือ ระบบการชำระเงิน Payment

 

1. ตอนนี้มีผู้ใช้ Rabbit Card ทั้งหมด 12.6 ล้านคนเพิ่มขึ้น 22.4%

 

2. ส่วน Rabbit line pay โตหนักกว่า (ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะฐานต่ำกว่า) โตมากกว่า 37.3% มาที่ระดับ 7 ล้านคน

 

 

 

 

ซึ่งข้อมูลของ Rabbit Card และ Rabbit Line Pay ทำให้เห็นพฤติกรรมของคนโดยสารได้ชัดเจนมาก เช่น คนโดยสารจากสถานีไหน ไปลงสถานีไหน และรับประทานอะไร (เช่น แมคโดนัลด์ เพราะผู้โดยสารสามารถซื้อ ร้านค้า หรือร้านอาหารในเครือได้โดยใช้บัตร Rabbit Card)

 

========

 

ภาพอุตสาหกรรมโฆษณาเป็นอย่างไร?

 

1. ผู้บริหารมองว่ามีโอกาสได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่แย่ลงครับ โดยแบงค์ชาติปรับเป้า GDP เหลือเติบโตเพียง 2.5% เท่านั้น

 

2. มุมมองโฆษณา (รวมทีวี และสื่อแบบใหม่ ดิจิตอล) ภาพรวมยังมีโอกาสเติบโตได้ 5% ในปีนี้ โดย 2 segment ที่มีโอกาสเติบโตหนักคือออนไลน์ (เติบโต 15%) และ out of home media (เติบโต 4%) นอกนั้นติดลบหมด “VGI มองว่าโชคดีมาก เพราะเราปรับ business model เป็นทั้ง online และ offline”

 

3. แต่ปกติ VGI ทำผลงานได้ดีกว่าอุตสาหกรรม โดยผู้บริหารอ้างอิงถึงผลงานในอดีตว่ามีโอกาสทำได้เป็นตัวเลข 2 หลักมาโดยตลอด “เพราะมีโมเดลธุรกิจที่แตกต่างจาก สื่อโฆษณาทั่วไป”

 

========

 

เป้าหมายเป็นอย่างไรครับ?

 

1. คาดรายได้ งวดปี (เม.ย.62-มี.ค.63) จะอยู่ที่ 3,800-4,000 ล้านบาท (ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ 6-6.2 พันล้านบาท) เพราะบางส่วนเกิดจากการที่ไม่บันทึกรายได้ของ MACO ครับ

 

แต่ถ้าปรับปรุงงบการเงินใหม่แล้วจะเห็นว่า งบยังเติบโตได้ประมาณ 15-20% เพราะฉะนั้นไม่ต้องตกใจกันนะครับ

 

2. ปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญคือการขยายธุรกิจสื่อดิจิตอลนอกบ้านที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เป็นดิจิตอลจากเดิมที่เป็นภาพนิ่ง ทำให้สามารถรับลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 20-30 รายพร้อมกัน จากเดิมที่รับลูกค้าได้เพียง 1 ราย และยังมีการปรับขึ้นค่าบริการเฉลี่ยราว 10%

 

ซึ่งเข้าใจได้เลยครับ เพราะถ้าเป็นป้ายนิ่งๆแบบเดิม ก็จะโฆษณาได้แค่เจ้าเดียว แต่ถ้าเป็นป้ายแบบดิจิตอลก็จะสามารถเปลี่ยนรูป เป็นเจ้าอื่น ๆ ได้เรื่อย ๆ ทำให้เป็นโอกาสในการสร้างรายได้

 

3. งบลงทุนคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 600 ล้านบาท โดยหลัก ๆ ลงทุนในการขยาย สื่อโฆษณาบนระบบขนส่งมวลชน, สื่อนอกบ้าน และ การบริการด้านสื่อดิจิตอล (digital Service) รวมถึงการเปลี่ยนจากโฆษณาแบบ static เปลี่ยนเป็น digital

 

และจะมีการลงทุนจอของประเทศมาเลเซีย ของ MACO ครับ

 

========

 

ช่วงถามคำถาม ทำให้เราเข้าใจภาพธุรกิจได้มากขึ้น

 

1.VGI ได้รับสิทธิในการบริหารสื่อโฆษณาในรถไฟฟ้าสายหลักจำนวน 23 สถานี ส่วนสายที่เป็นสาย extension มีทั้งหมด 7 สถานี

 

2.ตามธรรมชาติของ VGI ปกติแล้วจะรอให้ สายใหม่ๆของ BTS เริ่มมีจำนวนคนใช้บริการมากระดับนึงก่อนครับ แล้วถึงจะเข้าไปทำสื่อโฆษณา เพราะไม่งั้นอาจจะเสียค่าสัมปทานไปแบบฟรี ๆ

 

3. VGI เปิดตัวเมื่อปีที่แล้วว่าเปิดบริษัท joint venture ร่วมกับ iclick เพื่อทำโฆษณาออนไลน์จับตลาดคนจีน เพราะฉะนั้นช่วงนี้ก็คงได้รับผลกระทบบ้าง แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้มีลูกค้าแค่ชาวจีนอย่างเดียว แต่ยังมีแบรนด์ไทยเอง ที่เริ่มทำโฆษณาออนไลน์มากขึ้น

 

4. ส่วน synergy ที่เกิดจากการลงทุนในทั้ง planb, maco, Kerry ทางผู้บริหารบอกว่าได้ประโยชน์เรื่องการเพิ่มเติมรายได้, และลดค่าใช้จ่ายใช้ภาพรวม

 

“โดยมีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน เช่น MACO จะทำป้าย outdoor ต่างประเทศ ส่วนถ้าในประเทศคือ PLANB ทั้งป้ายธรรมดาและดิจิตอล” “ทั้งนี้ MACO ก็จะไปบุกตลาดอาเซียน” ส่วน VGI จะทำทั้งหมดทั้ง out of home media และ อะไรก็ตามที่เป็นการเชื่อม online to offline

 

5. โดย 6 เดือนแรกทำให้ VGI มีรายได้เพิ่มขึ้น 100 ล้านบาท จาก synergy ของการเข้าไปลงทุนในบริษัทเหล่านั้น “เพราะเริ่มมีการทำ cross sell สินค้าซึ่งกันและกัน” เช่นการทำแคมเปญ ปล่อยสื่อโฆษณาพร้อมกันในช่วงเวลา primetime พร้อม ๆ กัน

 

ซึ่งผู้บริหารมองว่าตอนนี้ในภาพรวมทั้งปีมีโอกาสเพิ่มขึ้น 200 ล้านบาทจาก synergy

 

6. synergy มีประโยชน์อีกอย่างคือ “มีการแจกตัวอย่างสินค้าของลูกค้า แล้วให้ Kerry เอาไปลองแจกให้กับลูกค้าลองใช้ดู” และเริ่มมีแปะโฆษณาของรถบรรทุกของ Kerry คล้าย ๆ กับรถไฟฟ้า BTS ตอนนี้มีแปะโฆษณาไปแล้วประมาณ 400 คันครับ

 

7. synergy อีกอย่างหนึ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ข้อมูลหลังบ้านครับ “ข้อมูลของเฟสบุค จะไม่เหมือนกันเพราะเค้าจะบอกได้แค่ว่า ใครสนใจเรื่องอะไร แต่ใช่ว่าจะมีกำลังซื้อจริง ๆ” เช่น รถพอร์ช

 

คนอาจจะสนใจ และกดไลค์ พอร์ช แต่ไม่ได้แปลว่า จะมีกำลังซื้อครับ (ทำให้ขายโฆษณาได้แพงกว่าเฟสบุค เพราะมองว่ามีความแม่นยำกว่า)

 

แต่ผู้บริหารมองว่าข้อมูลของเครือ VGI จะแม่นยำมากกว่า โดยจะช่วยทำให้เป้าหมายออนไลน์มีโอกาสทะลุ 350 ล้านบาทได้ (เกินเป้าหมาย 200 ล้านบาทไปแล้ว)

 

8. ปัจจุบัน VGI ลงทุน 33% ใน Kerry แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเค้าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆ กำไรยังทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

 

9. ตอนนี้มีสิทธิในการบริหารสื่อโฆษณารถไฟฟ้าในมาเลเซียระยะเวลา 10 ปี, รวมถึงบริหารสื่อโฆษณาสนามบิน KL1, KL2

 

และยังมีสิทธิบริหารสื่อโฆษณาบนรถไฟฟ้าในอินโดนีเซีย เป็นระยะเวลา 20 ปี

 

10. VGI ได้รับผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอลงบ้าง แต่ด้วยโมเดลธุรกิจที่ทำทั้ง online และ offline ทำให้ผลกระทบน้อยลง (ฝั่งออนไลน์ยังเติบโตได้ดีเลยช่วยลดผลกระทบได้)

 

========

 

เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต

 

อิสรภาพชีวิต !! อยู่ไหนก็ไม่พลาด อย่าลืมกดติดตามนะครับ หรือเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้เลย

 

ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน Line@: http://bit.ly/TAM-EIG_LINE

คลิกเลย

 

 

 

Picture of TAM-EIG

TAM-EIG

1951

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
error: Content is protected !!