1. ไตรมาสที่ 2 ของ CPALL เจ้าตลาดร้านสะดวกซื้อในบ้านเรา มีรายได้ 1.28 แสนล้านบาท ลดลง 10.6% ส่วนกำไรอยู่ที่ 2,887 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว 40%
2. เหตุผลหลักๆเป็นเพราะรัฐบาลใช้มาตรการ lockdown เพื่อป้องกันโควิด โดยเดือนที่เจอผลกระทบมากที่สุดคือ เดือนเมษายน และเริ่มดีขึ้นในเดือน พฤษภาคม และ มิถุนายน
3. เมื่อเข้าไปดูรายได้จะเห็นว่า รายได้ในช่วงครึ่งปีแรก สัดส่วนมากที่สุดคือ รายได้จากร้านสะดวกซื้อ 64% , รายได้จากธุรกิจค้าส่งแบบชำระเงินสดและบริการตัวเอง สัดส่วน 36%
4. ปัจจุบัน 7-11 มีสาขา 12,089 สาขา (เปิดเพิ่มเติมในไตรมาสที่ 2: 106 สาขา) โดยเป็นร้านแบบ stand alone 85% ที่เหลือเปิดในปั๊ม ปตท.
5. ยอดขายเฉลี่ยต่อร้าน ต่อวัน 66,950 บาท (ของร้านสะดวกซื้อ)
6. ยอดซื้อต่อบิลของร้านสะดวกซื้อ อยู่ที่ 79 บาท และมีลูกค้าต่อสาขาจำนวน 841 คน
7. ทั้งนี้ 7-11 ก็ได้ปรับตัวหลายอย่างครับ ทั้ง การขายสินค้าผ่านระบบ O2O เช่น 7 Delivery , All online, 24shopping แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยกับรายได้ที่หายไปจากหน้าร้านได้
8. โดยไส้ในของรายได้ของ ร้าน 7-11 มาจากอาหาร 71.7% ส่วนอีก 28.3% มาจากสินค้าอุปโภคบริโภค แต่ไม่รวมบัตรโทรศัพท์ครับ และที่เหลือเป็นรายได้จากค่าส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้า
9.อัตราส่วน D/E อยู่ที่ 1.17 x เพิ่มขึ้นจาก 0.94x ในช่วงปลายปีที่แล้ว เพราะมีการออกหุ้นกู้และมีเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน