5 มุมมองที่จะบอกว่า SSFX เป็นตัวเลือกการลงทุนสำหรับคุณ

1056

 

เมื่อพูดถึง Super Savings Fund Extra หรือเรียกสั้น ๆ “S-S-F-X” หลายคนคงเริ่มลงทุนกันไปบ้างแล้ว แต่หากใครที่ยังกำลังตัดสินใจในโค้งสุดท้ายนี้อยู่ วันนี้ลองมาดู 5 มุมมองจาก ถามอีกกับอิก ช่วยในการตัดสินใจดูนะครับ  สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักกองทุน SSFX สามารถคลิ้กลิงค์นี้ได้เลยครับ 

คลิกอ่านเพิ่มเติม

 

แม้ว่าชื่อตัวย่อ S-S-F-X ของกองทุนเพื่อการออมพิเศษจะทำให้เราต้องฝึกสำเนียงภาษาอังกฤษในการออกเสียงทุกครั้ง (อันนี้แซวเล่นนะครับ แต่ลิ้นพันกันทุกครั้งเลย ไม่รู้ทำไม) เท่าที่สำรวจจะเห็นว่าจากทั้งหมด 14 บลจ. มีการนำเสนอกองทุน SSFX ให้เลือกมากถึง 18 กองทุน

 

เอาละครับก่อนจะหมดช่วงเวลาที่สามารถลงทุนได้ใน 30 มิถุนายน 2563 นี้ ไปดูทั้ง 5 มุมมองกันเลยดีกว่าครับ

 

 

 

มุมมองที่ 1 เห็นโอกาสในการลงทุนระยะยาว

 

“หลังเจอโรคระบาดทั้ง4 โรคไม่รวมโควิด ดังรูป ประมาณ 1 ปี ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 35%”

 

ข้อสังเกตของ “ถามอีก กับอิก” คือ ในอดีตที่ผ่านมาทุกครั้งที่เกิดโรคระบาด ตลาดหุ้นจะถูกกระแทกร่วงไปก่อน เพราะเกิดความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนกลัว ก็เลยเทขายหุ้นออกมาทั้งโลก

 

แต่หลังจากนั้น เมื่อเวลาผ่านไป ผ่านภาวะความกลัวและมีทางออกสำหรับวิกฤตรอบนั้น ๆ (รอบนี้คงจะเป็นวัคซีน) ตลาดหุ้นก็มีโอกาสฟื้นตัว สะท้อนตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมากเท่านั้นครับ

 

นั่นหมายความว่า กติกาของ SSFX ที่กำหนดให้คนซื้อจะต้องถือกองทุนนี้ไป 10 ปี นับแบบวันชนวัน (เช่น ถ้าผมซื้อ วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ผมก็จะขายได้ 11 พฤษภาคม 2573) ก็จะเป็นข้อดี สำหรับคนที่ตั้งใจอยากเก็บเงินออมไว้สำหรับการเกษียณครับ เพราะเท่ากับเป็นการบังคับให้เราลงทุนระยะยาวเลยครับ

 

กติกาที่ SSFX วางไว้เพื่อให้เราอยู่ในวินัยของการลงทุนระยะยาวคือ ถ้าเราขายออกมาก่อนครบกำหนด จะต้องเสียภาษี capital gain (กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน), คืนเงินภาษีที่ได้รับลดหย่อน และต้องเสียเงินค่าปรับอีก นะคร้าบ

 

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากขึ้นครับ สมมติว่านาย A มีรายได้ 1 ล้านบาท และซื้อ SSFX ไป 100,000 บาท เท่ากับว่า จะได้ลดหย่อนภาษีไป 2 หมื่นบาท (คิดจากฐานภาษี 20% x 100,000 = 2 หมื่นบาท)

 

แต่ถ้าถัดมาอีก 2 ปี เราขาย SSFX ออกไปก่อนครบกำหนด นั่นหมายความว่าเราต้องจ่ายค่าปรับบานเลยครับ (20,000 บาท x 1.5% x 24 เดือน =7,200 บาท) เท่ากับว่ายิ่งเราคืนภาษีนานแค่ไหน ก็ยิ่งโดนค่าปรับมากเท่านั้น

 

เพราะฉะนั้น อย่าลืมว่า  เงินที่คุณกำลังจะเอาไปซื้อ SSFX ควรเป็นเงินเย็น เป็นเงินที่พร้อมจะไม่เอามาใช้นาน 10 ปี เพื่อให้เงินมันทำงานให้เราได้ในระยะยาวนะครับ

 

 

มุมมองที่ 2 ต้องการผลตอบแทนที่มากกว่าบัญชีเงินฝาก และรับความเสี่ยงขาดทุนจากหุ้นได้

 

“นับตั้งแต่ต้นปี ปู่ SET ของพวกเราร่วงมาแล้ว กว่า 20% ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 4 ปีครับ” ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบางช่วงที่ตลาดร่วงหลุด 1 พันจุดก่อนจะเริ่มเด้ง

 

แต่ถ้าจะมองลึกกว่านั้น เราคงต้องเทียบเป็น P/E (มูลค่าตลาด หารด้วยกำไรของบริษัทจดทะเบียน) ในอดีตเทียบเคียงด้วย

 

จะเห็นว่ามีไม่กี่ครั้งในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย ที่ค่า P/E จะอยู่ต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยเกือบ 2SD “นั่นแปลว่า ตอนนี้ถ้ามองเฉพาะ valuation แม้ว่าจะยังไม่ถูกที่สุดในประวัติศาสตร์” แต่ก็ถือว่า มีราคาถูกลงพอสมควรหากเทียบกับช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

 

และยิ่งไปดูหุ้นไทยตัวเจ๋ง ๆ ตัวใหญ่ ๆ หลาย ๆ ตัว จะเห็นว่าราคาร่วงลงมาชนิดที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นเลยครับ

 

“โอกาสแบบนี้ 10 ปีมีเพียงแค่ครั้งเดียวครับ ที่ตลาดหุ้นจะถูกขายหนักแบบนี้ในเวลาไม่กี่เดือน” แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อแบบหลับหูหลับตานะครับ และนั่นคือสิ่งที่ กองทุน SSFX จะมาตอบโจทย์ได้ครับ

 

เพราะ “ถามอีก กับอิก” เข้าไปดูไส้ในนโยบายการลงทุนจะเน้นลงทุนใน SET50, SET100 ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นหุ้นไทยขนาดใหญ่ มั่นคง พื้นฐานแข็งแรง อย่างน้อย ๆ 65% ของ NAV ครับ (แต่บางกองก็ลงทุนใน mai แต่จะเน้นหุ้นที่ดี มีศักยภาพเติบโตในอนาคต) ทำให้กรอบระยะเวลาการลงทุน 10 ปีมีโอกาสแพ้น้อยมาก

 

แต่นั่นก็หมายความว่า เราต้องสามารถรับความเสี่ยงจากการขาดทุนได้ด้วย

 

เพราะแม้ว่าเราจะเชื่อว่าระยะยาวหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีก็ แต่หุ้นมีขึ้น ก็ย่อมมีลงตามความผันผวน

 

เพราะฉะนั้นอย่าลืมดูนโยบายการลงทุนด้วยนะครับ เลือกลงทุนให้เหมาะกับจริตของเรา จะทำให้สบายใจขึ้นเยอะครับ

 

 

 

มุมมองที่ 3 เลือกสไตล์บริหารกองทุนได้ตามแบบ

 

“กอง SSFX จะมีสไตล์การบริหารงาน ทั้งแบบ Active และ Passive” เพราะฉะนั้น คงต้องถามว่าสไตล์การลงทุนของคุณว่าชอบแบบไหน

 

สมมติว่าชอบแบบบู๊ ๆ หน่อย อยากให้ผู้จัดการกองทุนเค้าปรับพอร์ตตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีความคาดหวังว่าอยากได้ผลตอบแทนมากกว่าตลาด ก็เลือกแบบ Active (อย่าลืมดูรายละเอียดว่า กองทุนมีแนวทางในการปรับพอร์ตยังไง)

 

แต่ถ้าเป็นแนวบุ๋น ก็คงเลือกแนว Passive ที่ปกติจะเน้นสร้างพอร์ตให้ผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี เช่น SET50 ค่อย ๆ เติบโต ไปเรื่อย ๆ “แม้ว่าผลตอบแทน อาจจะไม่หวือหวามาก แต่ค่าธรรมเนียมก็ถูกกว่า Active”

 

นอกจากสไตล์ Active และ Passive ที่เราจะพูดถึง ยังมีสไตล์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ คลิกอ่านได้เลยครับ

คลิกอ่านเพิ่มเติม

 

คำถามถัดมา ที่ “ถามอีก กับอิก” ถูกถามเยอะมากคือ ถ้าสมมติว่าตัดสินใจอยากเปลี่ยนกองทุนในอนาคตสามารถทำได้ไหม?  เพราะตามกติกาต้องถือกองทุน SSFX 10 ปี

 

คำตอบคือ ในทางเทคนิคสามารถทำได้ครับ แต่ต้องเป็นกองทุน SSFX เหมือนกัน แต่เนื่องจาก SSFX เป็นเรื่องใหม่ จึงอาจจะยังมีความยากเรื่องการคำนวณภาษี เพราะต้องขายตามหลัก First in First out ซื้อกองไหนก่อน ก็ขายกองนั้นก่อน และอย่าลืมคำนวณค่าธรรมเนียมในการสับเปลี่ยนกองทุนด้วยนะครับ

 

 

มุมมองที่ 4 มองหาประโยชน์จากสิทธิลดหย่อนภาษี

 

แม้ว่าการลงทุน SSFX จะเป็นการลงทุนระยะยาวถึง 10 ปี แต่จริง ๆ แล้วระหว่างทางที่เราลงทุน ก็ได้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี และเงินปันผลจากการลงทุน

 

เริ่มต้นดูผลประโยชน์จากการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีก่อนครับ ข้อดีของ SSFX คือไม่มีขั้นต่ำ, ไม่ต้องซื้อทุกปี (จริง ๆ แล้วซื้อได้แค่ปีนี้ปีเดียว ถึงเดือน มิถุนายน), ไม่ต้องนำไปรวมกับโควต้าการออมเพื่อเกษียณอย่างอื่น

 

และไม่ได้จำกัดรายได้ แต่จำกัดแค่วงเงินสูงสุดที่สามารถซื้อได้ นั่นคือ 2 แสนบาทครับ

 

“นั่นแปลว่า ถ้าเราซื้อเต็มโควต้าเราจะสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดประมาณ 7 หมื่นบาท” ซึ่งก็ถือว่าเยอะมาก ๆ แล้วนะครับ นี่คือผลประโยชน์ก้อนแรกครับ

 

ส่วนก้อนที่สองคือ มาจากการที่ SSFX บางกองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลด้วย ก็จะเป็นโอกาสที่จะได้รับเงินระหว่างทาง (แต่ถูกหัก ภาษี ณ ที่จ่าย 10% นะครับ ตอนจ่ายปันผล)

 

สมมติได้เงินปันผล 4% ซึ่งเท่ากับ 8,000 บาท หากนำเงินทั้งสองก้อนนี้ (เงินที่ได้รับจากการลดหย่อนภาษี และเงินปันผล) ไปลงทุนต่อเป็นระยะเวลา 10 ปี ด้วยผลตอบแทนคาดหวัง 8% เงินก็จะเพิ่มกลายเป็น 1.68 แสนบาท ช่วยเพิ่มเงินสำหรับเกษียณได้อีกมากเลยครับ

 

 

มุมมองที่ 5 อยากเกษียณแบบมีคุณภาพ

 

คำถามที่มักจะได้รับจากทางในเพจมี 2 คำถาม คือ 1. “ลงทุนในการลงทุนที่ไม่ต้องถึง 10 ปีดีกว่าหรือไม่ ถ้าได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีคล้ายกัน”

 

และ 2. SSFX ที่ให้สิทธิในการซื้อถึงสิ้นเดือน มิถุนายน จะซื้อตอนไหนดี

 

ผมเริ่มตอบข้อแรกด้วย ข้อมูลสถิติจากธนาคารแห่งประเทศไทยครับ บอกว่า สัดส่วน 55.8% ของคนสูงวัยยังต้องพึ่งพิงรายได้จากคนอื่นเช่นลูกหลาน และ 34% ยังต้องทำงานหารายได้เอง นั่นหมายความว่า คนไทยเกือบทุกคน จะไม่มีเงินเพียงพอไว้ใช้ยามเกษียณได้อย่างชิล ๆ ครับ

 

และเหตุผลที่เราไม่มีเงินพอไว้ใช้เกษียณ เพราะเราไม่ได้ลงทุน ในระยะเวลาที่ยาวนานมากพอที่จะให้เงินทำงานแทนเราครับ

 

นั่นคือเหตุผลว่า ทำไม ผมถึงมองว่า SSFX กองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ ถึงเหมาะกับลงทุนระยะยาว (เพราะบังคับให้มีวินัยลงทุน 10 ปี และเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นมี valuation ไม่แพง) และขอย้ำว่าอยากให้มองว่า สิทธิพิเศษลดหย่อนภาษีเป็นเพียงของแถมครับ (แต่ถ้าสามารถเอาเงินที่ได้ลดหย่อนไปลงทุนต่อ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในยามเกษียณได้อีกเยอะเลยครับ)

 

ส่วนข้อที่สอง ส่วนตัวมองว่า ระยะเวลาที่เหลือเพียง 1 เดือน แทบจะไม่แตกต่างกันเลยครับ สามารถซื้อวันไหนก็ได้ครับ

 

วิกฤตโควิดเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราวที่เมื่อมีการนำวัคซีนมาใช้ ก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ  ดังนั้น หากมองการลงทุนรอบนี้เป็นการลงทุนระยะยาว เชื่อมั่นว่าศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทยยังมีโอกาสเติบโตระยะยาวได้เยอะครับ

 

เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้โชคดี และมีอิสภาพในการใช้ชีวิตครับ 

 

 

Picture of TAM-EIG

TAM-EIG

1056

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
error: Content is protected !!