“ประเทศจีนกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากการเป็นฐานการผลิต เพื่อป้อนสินค้าให้กับคนทั้งโลกในราคาที่ถูกแสนถูก”
คุณ Bin Shi ผู้เชี่ยวชาญตลาดหุ้นจีนจาก UBS Asset Management อธิบายให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงในจีน และชี้ให้เห็นความน่าสนใจของจีนต่อไปว่า
“ตอนนี้ จีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ (ของโลก) โดยมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน” ท่ามกลางความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ทำให้หลายคนกลัว ไม่กล้าลงทุนในตลาดจีนครับ
วันนี้ชวนมาดูความน่าสนใจของตลาดจีนใน 4 มุมมอง ที่ทาง UBS เห็น และเหตุผลว่าทำไมการเลือกลงทุนใน จีน ผ่านกองทุน UBS (Lux) Equity Fund – China Opportunity and UBS (Lux) IS – China A Opportunity funds ผ่าน ซิตี้โกลด์ ถึงน่าสนใจ ลุยกันเลยครับ
เริ่มต้นมาดูตัวเลขเม็ดเงินวิจัยและพัฒนา R&D กันครับ ในปี 2007 เม็ดเงินวิจัยและพัฒนาของจีนสูงถึง
4.9 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 1.47 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมากแล้ว (ข้อมูลจาก OECD, WIPS และ Morgan Stanley Research)
“แต่หลังจากผ่านไป 10 ปี ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่า เป็น 2.65 แสนล้านเหรียญ หรือ 7.95 ล้านล้านบาทในปี 2017”
โอว โหดจริง ๆ ครับ สะท้อนให้เห็นว่าพี่จีนเอาจริงเอาจังอย่างมากครับ
เพราะฉะนั้น ไม่ต้องแปลกใจครับ ว่าทำไมทุกวันนี้จีนถึงก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านปัญญาประดิษฐ์, ระบบอัตโนมัติ, E-commerce และระบบชำระเงินทางโทรศัพท์มือถือ
ว่าแล้ว ก็มาดูตัวเลขตลาด E-commerce กันบ้างครับ แม้ว่าพี่จีนจะเริ่มต้นค้าปลีกออนไลน์ช้ากว่าสหรัฐฯ แต่ตัวเลขที่น่าสนใจคือยอดขายวันคนโสดของอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่ E-commerce ของเฮียแจ๊ค หม่า ที่เติบโตหนักมากและทำสถิติสูงสุดใหม่ทุกปีครับ
(วันคนโสด คือ มหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ ที่แบรนด์สินค้าทั้งในไทยและต่างชาติลดราคาหนักมากทุกวันที่ 11 พ.ย. ของทุกปีครับ)
เริ่มจากปี 2011 ตอนนั้นยังมียอดขายเพียง 800 ล้านเหรียญ (2.4 หมื่นล้านบาท) แต่ไม่น่าเชื่อว่า ตัวเลขปีล่าสุด อาลีบาบาจะมียอดขายจากวันคนโสดเพียงแค่วันเดียว มากถึง 30.7 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 1 ล้านล้านบาท! คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 548%
และจุดที่น่าสนใจคือ แม้ว่าจีนจะไม่ใช่ประเทศแรกที่คิดวันช้อปปิ้งลดราคาแบบนี้ เพราะสหรัฐฯ เริ่มจัดมหกรรมก่อนไม่ว่าจะเป็นวัน Black Friday, Cyber Monday, Thanksgiving แต่ยอดขายของวันคนโสดกลับมากกว่าทั้ง 3 วันของสหรัฐฯ รวมกัน และมากกว่าถึง 3 เท่าตัว
“เชื่อมั๊ยครับ ว่าในวันคนโสดมีการทำธุรกรรมมากถึง 2.2 แสนธุรกรรมต่อวินาที” สะท้อนให้เห็นสองอย่างครับ คือ 1. จีนก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าตลาด E-commerce ของโลกแล้ว
และ 2. จีนมีระบบ Super Computer ที่สามารถรองรับปริมาณคำสั่งซื้อที่มากขนาดนี้ได้ ไม่ธรรมดาเลยใช่มัั๊ยครับ (ถ้าธุรกรรมมากมายขนาดนี้ แต่ระบบรองรับไม่ดีระบบล่ม อดช้อปปิ้งแน่นอน)
อ่านมาถึงตรงนี้ ผมว่าคงมีคำถามผุดขึ้นมาว่า แล้วทำไมจีนถึงประสบความสำเร็จอย่างมากในการขายของออนไลน์? นั่นคือ “ข้อมูล” ครับ
ผมเชื่อว่า หลายท่านคงจะเคยได้ยินนะครับว่า ข้อมูลมีค่าเหมือนเป็นน้ำมัน (ใครก็ตามที่มีข้อมูลมากพอ และวิเคราะห์ข้อมูลเป็น ก็จะได้เปรียบในการทำธุรกิจยุคใหม่ครับ)
ชวนมาดูก่อนครับ ว่าทำไมจีนถึงมีความได้เปรียบด้านเก็บข้อมูล เมื่อเทียบกับหลาย ๆ ประเทศ
“ข้อมูลที่อยู่ในโลกออนไลน์มีมากถึง 10 เซตตะไบต์ ซึ่งหน่วยเซตตะไบต์มากกว่า กิกะไบต์ (GB) ที่คนไทยคุ้นเคยกว่า 1 ล้านล้านเท่า”
“คนจีนมีโทรศัพท์มือถือ 1.5 พันล้านเครื่อง” “คนจีนเข้าถึงอินเตอร์เนต 772 ล้านคน (มากกว่าคนไทยทั้งประเทศถึง 11 เท่า)” และคนจีนทำธุรกรรมทางการเงินทางโทรศัพท์มากถึง 15 ล้านล้านเหรียญ
นั่นหมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนจีนทำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนจีนใช้ชีวิตประจำวันจะถูกจัดเก็บข้อมูลทั้งหมด (บวกกับจีนมีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก ทำให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีข้อมูลมากที่สุดในโลก
และการที่จีนมีการจัดเก็บข้อมูลมากมายขนาดนี้ ทำให้เป็นความได้เปรียบในการพัฒนาเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Big Data ซึ่งต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากเพื่อสอนให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้และฉลาดมากขึ้นครับ
และจุดนี้แหละครับ ที่ทำให้แพลตฟอร์มออนไลน์ของจีนประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ แล้วนำมาวิเคราะห์ทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีน ว่าเค้าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ทำให้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการได้ตรงใจลูกค้าได้มากที่สุดครับ
“แต่ถ้ามองในภาพใหญ่ของประเทศจีน” “ปริมาณข้อมูลและความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจะมีความสำคัญมาก ๆ” เพราะจะทำให้จีนเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในระยะยาวครับ
ผลจากการเปลี่ยนแปลงหนักมากของเทคโนโลยี ก็ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจขึ้นมหาศาลเลยครับ
ยกตัวอย่าง TAL Education บริษัทติวหนังสือออนไลน์หลังเลิกเรียนในห้องเรียน ที่นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ กลายเป็นจุดแข็งของธุรกิจ
เช่น การใช้ระบบจดจำใบหน้าช่วยสแกนใบหน้าของนักเรียนเพื่อประเมินได้ว่า นักเรียนสนใจเรียนกับคุณครูหรือไม่ “เมื่อประเมินได้แล้วก็จะนำข้อมูลนำมาพัฒนาคุณภาพของการเรียนการสอนในห้องเรียนต่อ” แค่ฟังแค่นี้ก็ว้าวแล้วนะครับ
แต่ TAL ก็ยังพัฒนาต่อเนื่อง โดยตอนนี้เน้นการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ในการที่จะผลักดันให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่องในอนาคตครับ
แหม… นี่แค่ตัวอย่างเดียวนะครับ สุดยอดมาก
ความเห็นของ ถามอีก กับอิก
ทุกวันนี้ จีนไม่เหมือนจีนสมัยก่อนแล้วจริง ๆ ครับ เปลี่ยนแปลงพัฒนาอย่างก้าวกระโดดทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ
ในมุมของนักลงทุนนอกจากจะคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงแล้ว ยังต้องมองหาโอกาสในการลงทุนด้วยครับ
“เทคโนโลยี” “นวัตกรรม” “คลังข้อมูลขนาดใหญ่” คือสิ่งที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประเทศจีนเพิ่มอีก ชนิดที่พวกเราคงจะคาดไม่ถึง และสร้างกลุ่มที่เรียกว่า “New Economy” กลุ่มธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้จีนเติบโตหนักมากในระยะยาว ทำให้เป็นโอกาสในการเข้าไปลงทุนเพื่อเกาะกระแสการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงในจีนครับ
แม้ว่าโอกาสเยอะก็จริงครับ แต่การลงทุนในจีนเองก็มีความยากเหมือนกันครับ เช่น ถ้าจะลงทุนในหุ้นอย่าง TAL ด้วยตัวเองได้ไหม คำตอบคือ ได้ครับ แต่ถามว่าเรามีเวลาติดตามด้วยตัวเองและมีข้อมูลมากพอไหม? อันนี้คงต้องขึ้นอยู่กับความขยันของเราด้วยครับ
ยังไม่นับเรื่องภาษาและวัฒนธรรมการทำธุรกิจของผู้บริหารจีนอีกที่เราจำเป็นต้องทำการบ้านเพิ่มเติม
หนึ่งในทางเลือกที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนในแดนมังกรได้ คือการมีที่ปรึกษาที่ดีครับ สำหรับใครที่สนใจลงทุนในกองทุน UBS (Lux) Equity Fund – China Opportunity and UBS (Lux) IS – China A Opportunity funds ที่มีข้อดีคือ มีหุ้นยักษ์ใหญ่ในจีนในพอร์ตที่คนไทยคุ้นเคยก็มีครับเช่น Tencent, Alibaba, Ping An Insurance เป็นต้น ก็สามารถซื้อผ่านซิตี้โกลด์ได้เลย
ทางซิตี้โกลด์มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่ผ่านการอบรมจาก Wharton Global Wealth Institute และใช้โปรแกรม Total Wealth Advisor ในวางแผนการลงทุน ซึ่งเป็นบริการ exclusive สำหรับการลงทุนกับซิตี้โกลด์โดยเฉพาะ เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายทางการเงินของลูกค้าในอนาคต
นอกจากนี้แล้ว ซิตี้โกลด์มีกองทุนให้เลือกกว่า 180 กองทุนชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ และสามารถลงทุนในตราสารหนี้ในระดับน่าลงทุนกว่า 60 บริษัททั่วโลกจากบริษัท รวมถึงบริษัทที่กำลังเติบโตของจีนเช่น อาทิ เช่น Tencent, JD.com และอื่น ๆ ข้อมูลด้านการลงทุนกับซิตี้โกลด์ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://citi.asia/tHscCcOi
พิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ เปิดบัญชีซิตี้โกลด์ตอนนี้เพื่อรับคะแนนซิตี้ รีวอร์ด สูงสุดถึง 230,000 คะแนน* ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที ซิตี้โกลด์ ครับ 02-081-0999 หรือสมัครออนไลน์ได้ที่ลิ้งก์ https://citi.asia/tHsCcCoN
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารฯ กำหนด
อย่าลืมนะครับ เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้ทุกท่านโชคดี แล มีอิสรภาพในการใช้ชีวิตครับ
#谈亿 #ถันอี้ #ถามอีกกับอิกเรื่องลงทุนจีน