หนี้รถ-บ้าน-บัตรเครดิตพุ่ง คนไทย ติดกับดักความจน TAM-EIG 3 months ago หนี้รถ-บ้าน-บัตรเครดิตพุ่ง คนไทย ติดกับดักความจน เมื่อไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว เราเห็นเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องหันมามองกับปรากฏการณ์ “แผ่นดินไหวทางการเงิน” ที่เกิดขึ้นในสินเชื่อรถยนต์ หนี้เสีย (NPL) พุ่งสูงจนเกือบทำให้สถานการณ์ดูไม่ดี จากนั้นสิ่งที่เรากังวลก็ตามมาเป็น “อาฟเตอร์ช็อก” ที่เกิดขึ้นกับสินเชื่อบ้าน.1.ไตรมาสแรกของปีนี้: หนี้บัตรเครดิตระเบิด ในไตรมาสแรกของปีนี้ สถานการณ์กลับหนักขึ้นอีกกับสินเชื่อบัตรเครดิต การที่ต้องจ่ายขั้นต่ำจาก 5% เป็น 8% ภายใต้เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ ทำให้หนี้เสียกระโดดขึ้นมาอย่างน่าตกใจ โดยหนี้เสียของบัตรเครดิตในไตรมาสแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โตขึ้นถึง 12% ซึ่งเป็นสัญญาณไม่ดีอย่างแน่นอน 2.หนี้ครัวเรือนไทย: ภาพรวมที่น่ากังวล: ถ้าเรามองไปที่ภาพรวมของหนี้ครัวเรือนไทยต่อ GDP จะเห็นได้ชัดว่าหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นประมาณ 3% แต่ GDP ของเรายังไม่เคยโตเกิน 3% เลยในปีนี้ โดยประมาณการว่าจะโตเพียง 2.6% ซึ่งหมายความว่าหนี้ครัวเรือนยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องการการแก้ไข ในขณะที่หนี้ครัวเรือนทั้งหมดของไทยอยู่ที่ประมาณ 16.4 ล้านล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นหนี้ที่เก็บข้อมูลในเครดิตบูโรประมาณ 13.6 ล้านล้านบาท ส่วนที่ไม่ได้เก็บข้อมูลอีกประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท และหนี้ กยศ. อีกประมาณ 4-5 แสนล้านบาท 3.ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยากจะหลีกเลี่ยง: หนี้ครัวเรือนที่เกิดขึ้นเป็นเพราะผู้คนใช้จ่ายมากกว่ารายได้จริง และเมื่อเศรษฐกิจไม่เติบโตตามที่คาดหวัง การชำระหนี้ก็กลายเป็นภาระหนักหน่วง ซึ่งทำให้เราเริ่มเห็นการเลิกจ้างงาน ปิดโรงงาน และการเลย์ออฟพนักงานมากขึ้น 4.สินเชื่อบ้านและรถยนต์: ปัญหาที่ชัดเจน: สินเชื่อบ้านและรถยนต์ก็ไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบ หนี้เสียของสินเชื่อบ้านในไตรมาสแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โตขึ้นถึง 31% ในขณะที่สินเชื่อรถยนต์มีหนี้เสียถึง 32% ทำให้ตลาดรถมือสองต้องเจอกับภาวะราคาตก เนื่องจากมีรถยนต์ถูกยึดและนำมาประมูลขายเป็นจำนวนมาก 5.บัตรเครดิต: หนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สินเชื่อบัตรเครดิตก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ใหญ่ขึ้น หนี้เสียของบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นถึง 14.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้เห็นได้ชัดว่าผู้คนไม่สามารถจ่ายหนี้บัตรเครดิตได้เต็มที่ 6.มาตรการแก้ไขและการปรับโครงสร้างหนี้: ในการแก้ไขปัญหานี้ การปรับโครงสร้างหนี้เป็นทางออกที่จำเป็น แต่การปรับโครงสร้างหนี้ต้องทำให้เร็วกว่าหนี้เสีย ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถลดหนี้เสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ 7.สถานการณ์ในอนาคตในอนาคต การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยงบประมาณปี 2567 และ 2568 จะเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องติดตาม การใช้จ่ายงบประมาณที่เร่งรัดจะช่วยให้มีเงินไหลเข้าสู่ระบบมากขึ้น และหวังว่าจะช่วยให้ผู้คนมีรายได้เพิ่มขึ้น ท้ายที่สุด หนี้สินครัวเรือนไทยยังคงเป็นปัญหาที่ต้องการการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง และการปรับโครงสร้างหนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นในการลดภาระหนี้ในระยะยาว เราหวังว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวและทำให้ผู้คนมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ดียิ่งขึ้น รับชมคลิปเต็ม : https://www.youtube.com/watch?v=wwtStQAerqs&t=5s