ทำไมยางพาราพุ่งสูงสุดในรอบ 12 ปี

ทำไมยางพาราพุ่งสูงสุดในรอบ 12 ปี

ราคายางพาราที่พุ่งสูงสุดในรอบ 12 ปีนี้ เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่สอดคล้องกัน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่ ฝ่ายซัพพลายและดีมานด์ รวมถึงปัจจัยเสริมอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตและการตลาดยางพาราในระดับโลก

1. ปัญหาซัพพลายของวัตถุดิบ

การผลิตยางพาราได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แปรปรวน โดยเฉพาะปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา ที่ทำให้ผลผลิตยางพาราลดลงอย่างมากในหลายประเทศผู้ผลิต เช่น อินโดนีเซีย ที่ผลผลิตลดลงจากประมาณสามล้านตัน เหลือเพียงสองล้านตัน นอกจากนี้ สภาพอากาศที่ฝนตกหนักยังส่งผลให้ไม่สามารถเปิดกรีดยางได้เต็มที่

2. ผลกระทบจากประเทศคู่แข่ง

ประเทศผู้ผลิตยางพารารายใหม่อย่างไอวอรีโคสต์ ได้เข้ามามีบทบาทในซัพพลายเชนของยางพาราโลก แม้จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 400,000 ตัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทดแทนผลผลิตที่ลดลงในประเทศอื่น ๆ

3. การฟื้นตัวของอุตสาหกรรม

ตั้งแต่ต้นปีนี้ ยุโรปและอเมริกาเริ่มกลับมาสั่งซื้อวัตถุดิบยางพาราเพิ่มขึ้น หลังจากที่ใช้สต๊อกเก่ามานาน ทำให้ปริมาณความต้องการยางพาราเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และยางล้อ

4. มาตรการทางกฎหมายใหม่ของยุโรป

มาตรการ EUDR (European Union Deforestation Regulation) ที่เริ่มบังคับใช้ในยุโรป ทำให้ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามมาตรฐานใหม่ๆ ในการผลิตและตรวจสอบย้อนกลับของยางพารา ส่งผลให้ยางที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายไม่สามารถนำเข้าได้ ทำให้ซัพพลายลดลง

5. ปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบ

นอกจากปัจจัยด้านซัพพลายและดีมานด์แล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเข้มงวดของการยางแห่งประเทศไทยในการควบคุมการนำเข้ายางจากประเทศเพื่อนบ้าน การเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกที่แบ่งออกเป็นสองตลาดใหญ่คือตลาด EUDR และ Non-EUDR ที่มีความแตกต่างด้านราคา

ดังนั้นการที่ราคายางพาราพุ่งสูงสุดในรอบ 12 ปีนี้ เกิดจากการรวมกันของหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทั้งซัพพลายและดีมานด์ของยางพาราในระดับโลก นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสริมอื่นๆ ที่ทำให้ตลาดยางพารามีความผันผวนมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการทางกฎหมายใหม่ที่บังคับใช้ในยุโรป การปรับตัวของอุตสาหกรรม และการผลิตที่ลดลงจากสภาพอากาศที่แปรปรวน

============

รับชมคลิปเต็ม: https://www.youtube.com/watch?v=V8LBx2pReJk&t=492s

#TAMEIG