ทำไมร้านกาแฟถึงเจ๊งเยอะ?
ถ้าพูดถึงเรื่องร้านกาแฟ คนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่ามันเป็นธุรกิจที่ทำเงินง่าย ๆ เพียงแค่มีเครื่องชงกาแฟดี ๆ กับบาริสต้าฝีมือเยี่ยมก็เพียงพอแล้ว
แต่ในความเป็นจริง ธุรกิจร้านกาแฟกลับมีความท้าทายและอุปสรรคมากมายที่ทำให้ร้านกาแฟหลายแห่งต้องปิดตัวลง บทความนี้จะเล่าถึงเหตุผล ที่ทำให้ร้านกาแฟต้องเจ๊งเยอะกว่าที่คิด
1. ราคาวัตถุดิบที่ผันผวน
รู้หรือไม่ว่า ราคากาแฟบนตลาดโลกนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกาแฟโรบัสต้าที่ราคาขึ้นไปถึง 75% ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นมาก ถ้าร้านกาแฟต้องการใช้อาราบิก้าที่มีคุณภาพสูง ราคาก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก หลายร้านที่ไม่สามารถปรับตัวรับกับราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นได้ ก็ต้องปิดตัวลงในที่สุด
2. ค่าแรงและค่าไฟที่สูงขึ้น
การเปิดร้านกาแฟต้องมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แค่กาแฟ เช่น ค่าแรงพนักงานที่กำลังจะขึ้นไปถึง 400 บาทต่อวัน ค่าไฟที่ใช้ในการเปิดแอร์และไฟฟ้าต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ราคาเครื่องดื่มที่ขายกลับไม่สามารถปรับขึ้นได้ตามเนื่องจากลูกค้าอาจจะไม่ยอมรับราคาใหม่ที่สูงขึ้น
3. การแข่งขันที่สูง
ธุรกิจร้านกาแฟมีการแข่งขันที่สูงมาก มีร้านกาแฟเปิดใหม่ทุกวัน แต่การที่ร้านหนึ่งจะอยู่รอดได้ในระยะยาวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หลายร้านต้องปิดตัวลงเพราะไม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้มากพอหรือไม่สามารถสร้างความแตกต่างจากร้านอื่น ๆ ได้
4. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค
พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากการนั่งดื่มกาแฟที่ร้านกลายเป็นการสั่งกาแฟผ่านแอปพลิเคชันและการสั่งเดลิเวอรี่ แม้ว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มยอดขาย แต่ค่าส่งเดลิเวอรี่ที่สูงถึง 30% ทำให้กำไรที่ได้จากการขายกาแฟลดลงอย่างมาก
5. สภาวะเศรษฐกิจ
ในช่วงเศรษฐกิจแย่ ผู้บริโภคมีกำลังซื้อน้อยลง คนส่วนใหญ่เลือกที่จะลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก ซึ่งรวมถึงการซื้อลดกาแฟราคาแพง ๆ จากร้านกาแฟชื่อดัง ร้านกาแฟต้องปรับตัวให้ทันกับสภาวะเศรษฐกิจและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
6. ต้นทุนของเบเกอรี่และของหวาน
ร้านกาแฟหลายร้านมักจะขายเบเกอรี่และของหวานควบคู่กับกาแฟ แต่ต้นทุนของวัตถุดิบเบเกอรี่เช่น เนย นม และแป้ง เพิ่มขึ้นสูงมาก ทำให้ร้านหลายแห่งต้องปรับตัวโดยลดการขายเบเกอรี่หรือหาทางลดต้นทุนแต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะรักษาร้านให้รอดอยู่ได้
เอาใจช่วยทุกคนครับ 
