#Punphol101 ทำความรู้จักกับ 5 ส่วนของงบการเงินที่ควรรู้
#วางแผนการเงิน #ป๊าอิกสอน #น้องปันผลจด
————
>> ติดตามทั้ง 15 ช่องทางได้ที่ https://links.tam-eig.com/m/TAM-EIG-Channels
>> 4 กลุ่มกับ 4 แบบการลงทุน
ติดตามความรุ้และอัพเดต “TAM-EIG_คริปโต โก โก”
https://links.tam-eig.com/LineOpenchat_Crypto
ติดตามความรุ้และอัพเดต TAM-EIG_ลงทุนนอก ต้องออกไปให้รู้
https://links.tam-eig.com/LineOpenchat_Offshores1
ติดตามความรุ้และอัพเดต TAM-EIG_ลงทุนไทย ไปได้ไกลกว่าที่เห็น
https://links.tam-eig.com/LineOpenchat_Thai1
ติดตามความรุ้และอัพเดต TAM-EIG_เงินทองมันต้องวางแผน
https://links.tam-eig.com/LineOpenchat_FinancialPlanning1
ทำไมต้องทำความรู้จัก “งบการเงิน”
งบการเงินเปรียบเสมือน ‘ผลตรวจสุขภาพทางการเงินของบริษัท’ ที่จะบอก 3 ส่วน
– สุขภาพแข็งแรงหรือไม่
บริษัทมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งหรือไม่
– ทำงานหาเงินเก่งหรือไม่
มีความสามารถในการหารายได้ และกำไรเป็นอย่างไร
– ป่วยหรือมีโรคอะไรหรือไม่
มีส่วนไหนที่น่าเป็นห่วงและควรเฝ้าระวัง
ผลตรวจสุขภาพทางการเงินนี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักลงทุน ใช้เปรียบเทียบกับปีที่ผ่าน ๆ มาหรือเปรียบเทียบกับบริษัทอื่น ๆ
ในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อช่วยให้เห็นแนวโน้มในอนาคต
5 ส่วนของงบการเงินที่ควรรู้
1. รายงานความเห็นผู้สอบบัญชี
ข้อสรุปจากผู้สอบบัญชี ว่างบการเงินนี้ถูกต้องหรือไม่
2.งบแสดงฐานะการเงิน
บริษัทรวยแค่ไหน ในกระเป๋ามีอะไรบ้าง
3. งบกำไรขาดทุน
บริษัทมีความสามารถในการหาเงินเป็นอย่างไร
4. งบกระแสเงินสด
บริษัทหมุนเงินทันหรือไม่ ไม่รอดหรือไม่
5. หมายเหตุประกอบงบ
เป็นข้อมูลอธิบายเพิ่มเติมจากตัวเลขในงบการเงิน
1. รายงานความเห็นผู้สอบบัญชี
ช่วยให้เรารู้ว่าข้อมูลในงบการเงินนั้นถูกต้องหรือไม่ และสามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจได้มากน้อยแค่ไหน
ความเห็นของผู้สอบบัญชีแบ่งเป็น 4 ประเภท
1) ความเห็นแบบไม่มีเงื่อนไข (Unqualified Opinion)
งบการเงินมีความถูกต้อง เป็นความเห็นที่ทุกบริษัทคาดหวังจะได้รับ
2) ความเห็นแบบมีเงื่อนไข (Qualified Opinion)
ข้อมูลบางส่วนในงบการเงินไม่ถูกต้องอย่างมีสาระสำคัญ หรือผู้สอบบัญชีไม่สามารถหาหลักฐานได้อย่างเพียงพอและเหมาะสม แต่ประเด็นดังกล่าวนั้นไม่แผ่กระจายไปยังส่วนประกอบอื่น ๆ ของงบการเงิน
3) ความเห็นว่างบการเงินไม่ถูกต้อง (Adverse Opinion)
ความเห็นในลักษณะนี้มีผลค่อนข้างรุนแรงต่อผู้ใช้งบการเงิน เนื่องจากเป็นการแสดงความเห็นว่าการแสดงข้อมูลในงบการเงินขัดต่อข้อเท็จจริงอย่างเป็นสาระสำคัญ
4) ไม่แสดงความเห็น (Disclaimer)
ผู้สอบบัญชีไม่สามารถหาหลักฐานที่เหมาะสมและเพียงพอและหรือการแสดงข้อมูลขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญอย่างร้ายแรง
2. งบแสดงฐานะการเงิน (งบดุล)
เป็นงบที่บอกฐานะการเงิน หรือความมั่งคั่งของบริษัท
สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ (ทุน)
วิเคราะห์เบื้องต้น
– คุณภาพของสินทรัพย์
ดูว่าสินทรัพย์ที่มีสามารถสร้างรายได้ และเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของหรือไม่
– สภาพคล่องของกิจการ
ธุรกิจควรมีสินทรัพย์หมุนเวียน (เช่น เงินสด ลูกหนี้) มากกว่าหนี้สินระยะสั้น (หนี้สินที่ต้องชำระภายใน 1 ปี)
– กำไรสะสม
ถ้ามีกำไรสะสมสูง หมายถึงที่ผ่านมาธุรกิจทำกำไรดี มีประสิทธิภาพ และมีโอกาสที่บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น
– อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio)
ถ้าตัวเลขเศษมากกว่าส่วน แสดงว่าบริษัทมีการกู้หนี้ยืมสินมากกว่าส่วนทุน และถ้ามากกว่าเยอะ อาจทำให้อนาคตอาจมีปัญหาด้านสภาพคล่อง ดังนั้น อัตราส่วน D/E ยิ่งต่ำยิ่งดี
อัตราส่วน D/E Ratio โดยทั่วไปแล้วไม่ควรเกิน 1.5-2 เท่า ซึ่งแต่ละธุรกิจก็มี D/E Ratio ที่เหมาะสมแตกต่างกันไป เช่น ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ประกันภัย D/E Ratio ปกติอาจอยู่ในระดับ 5 -10 เท่า
3. งบกำไรขาดทุน
บริษัทหารายได้ และจัดการต้นทุนได้ดีหรือไม่
รายได้ – ต้นทุน = กำไร (ขาดทุน)
วิเคราะห์เบื้องต้น
– รายได้
บริษัทขายผลิตภัณฑ์หรือบริการได้มากน้อยแค่ไหน เทียบกับปีก่อน ๆ เป็นอย่างไร
– รายได้พิเศษ
ถ้าการที่รายได้เพิ่มขึ้นมากจากรายได้พิเศษ ควรตัดออกในการวิเคราะห์ เพราะเป็นรายได้ที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงามตามปกติ รายได้พิเศษจึงไม่มีความแน่นอน และไม่ทำให้ธุรกิจมั่นคงอย่างยั่งยืน เช่น กำไรจากการขายที่ดิน
– ค่าใช้จ่ายและต้นทุน
บริษัทควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีแค่ไหน เพราะมีผลโดยตรงต่อกำไรของบริษัท
– กำไร
สะท้อนถึงโอกาสเติบโตในอนาคต และความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่ง
4. งบกระแสเงินสด
ทำให้เห็นที่มาที่ไปของเงินสด ว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากอะไรบ้าง
การเพิ่ม/ลดของเงินสดในบริษัทมาจาก3 ส่วน
กระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน
ถ้าตัวเลขเป็น + สะท้อนว่าบริษัททำธุรกิจแล้วได้เงินสดเข้ามา (ไม่ใช่แค่ขายได้ แต่ต้องเก็บเงินจากลูกค้าได้ด้วย)
ถ้าตัวเลขเป็น – สะท้อนว่าบริษัททำธุรกิจแล้วเก็บเงินสดได้ น้อยกว่าที่จ่ายออกไปในงวดนั้น
กระแสเงินสดสุทธิจากการลงทุน
ถ้าตัวเลขเป็น – สะท้อนว่าบริษัทมีการนำเงินไปลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ ทำให้มีแนวโน้มรายได้และกำไรเติบโต
ถ้าตัวเลขเป็น + สะท้อนว่าบริษัทมีการขายสินทรัพย์ออกไปจึงได้เงินเพิ่มขึ้นมา แต่ถ้าขายสินทรัพย์มากเกินไป มีโอกาสที่การดำเนินงานของบริษัทกำลังมีปัญหา
กระแสเงินสดสุทธิจากการจัดหาเงิน