MSCI ชี้ให้เห็นว่า โอกาสการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นสามเท่านับตั้งแต่ต้นปี
หนี้สหรัฐฯ แตะเพดานหนี้ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา กระทรวงการคลังได้ใช้มาตรการพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนักชำระหนี้และให้เงินสนับสนุนแก่รัฐบาลไปจนถึงช่วงเดือนมิถุนายน
นาฬิกากำลังนับถอยหลัง รอสภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดชำระหนี้ของสหรัฐฯ
นักลงทุนบางส่วนรู้สึกไม่สบายใจ ทำให้มีการซื้อ credit default swaps (CDS) พันธบัตรอายุหนึ่งปีของรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ซึ่ง credit default swaps เป็นรูปแบบหนึ่งของการประกันหากผู้ออกตราสารหนี้ที่ไม่ได้ชำระเงินตามกำหนด
เครื่องมือการเงินอย่าง CDS ประสบความสำเร็จในการใช้งานโดยนักลงทุนบางคนที่เคยเดิมพันกับตลาดอสังหาฯ ปี 2008 ซึ่งรวมถึง Michael Burry จาก Scion Capital โดย CDS คุ้มครองการชำระคืนเมื่อมีการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้น
“ความน่าจะเป็นของการผิดนัดชำระหนี้ เพิ่มขึ้นสู่ระดับที่ไม่เคยเห็นอย่างมีนัยยสำคัญตั้งแต่มีการถกเถียงเรื่องเพดานหนี้ปี 2013” MSCI กล่าว โดยชี้ว่าความน่าจะเป็นการผิดชำระหนี้นั้น เพิ่มสูงขึ้นจาก 3.3% เมื่อต้นเดือนมกราคมเป็น 11.3% ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ขณะที่ CDS พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งขึ้นใกล้เคียงระดับช่วงที่หนี้สหรัฐฯ ใกล้ชนเพดานหนี้ในปี 2011 และ 2013 ซึ่งขณะนั้นสภาผู้แทนฯ ผ่านร่างกฎหมายในนาทีสุดท้ายเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัด
MSCI กล่าวว่า “หากไม่มีข้อตกลงทางกฎหมาย ปริมาณการซื้อขาย CDS อาจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้มากที่การผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ จะเกิดขึ้น”
แต่ผลที่ตามมามีมากกว่าการที่ผู้ถือพันธบัตรสหรัฐฯจะไม่ได้รับการชำระเงิน เพราะการผิดนัดดังกล่าว จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ หยุดชะงักและทำให้เกิดความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง
เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของโลกได้รับอิทธิพลจาก “risk-free” ตราสารหนี้สหรัฐฯ นอกจากนี้ ผู้สูงอายุหลายล้านคนมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียสิทธิประกันสังคม
MSCI กล่าวว่า หากสหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้ “มีความไปได้ว่าจะเกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว”