Paul Krugman คาดว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูง ทำให้ FED ยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แต่เขามองเห็นโอกาสเพียงเล็กน้อยที่สหรัฐฯ จะเกิดเศรษฐกิจถดถอย
“การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ไม่ได้ทำให้สิ่งต่าง ๆ ชะลอลงอย่างที่คนคาด ” นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลกล่าว
“ดูเหมือน FED ยังต้องขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อที่สูงนี้” เขากล่าว
เพื่อตอบสนองต่ออัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงถึง 9.1% เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากเกือบ 0% ไปสู่ 4.5%ในปีที่ผ่านมา
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ก็ส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์และอุปสงค์ นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
Krugman สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปของ FED เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อให้อยู่หมัด “ณ จุดนี้ ยังไม่มีสัญญาณที่ชี้ชัดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว”
เขาเตือนว่า หาก FED เริ่มชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย สถานการณ์เงินเฟ้อจะเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
“เรายังไม่พร้อมที่จะไปสู่จุดนั้น”
แม้ Krugman ได้คาดการณ์ว่า FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่เขามองว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำยืดเยื้อน่าจะไม่เกิดขึ้น เขาให้ความน่าจะเป็นที่สหรัฐฯ
จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยที่ 25% และเขายังเน้นย้ำถึงความท้าท้ายที่ FED ต้องเผชิญ
“อาจเปรียบได้ว่า FED กำลังพยายามควบคุมเครื่องจักรยักษ์ในห้องมืดโดยที่สวมถุงมืออยู่”
“FED ไม่ได้ระมัดระวังมากนัก ดังนั้นโอกาสที่พวกจะสร้างภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้นมีอยู่แน่นอน แต่มันจะไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น”
อย่างไรก็ตามเขาเตือนว่า หากสหรัฐฯล้มเหลวในการแก้ไขวิกฤตหนี้ อาจนำไปสู่ความปั่นป่วนได้
“พันธบัตรสหรัฐฯ ไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัยอีกต่อไป เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้เมื่อครบกำหนดไถ่ถอน เรารู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น …ล้มละลาย…และนั่นเป็นเรื่องน่ากลัวมาก เพราะจะนำไปสู่ภาวะถดถอยในท้ายที่สุด” เขากล่าว
เขาพูดถึงประเด็นของคริปโตเคอร์เรนซีเล็กน้อยในช่วงท้าย
“สกุลเงินดิจิทัลไม่ได้กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนใช้ทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยยะสำคัญ (นอกจากการใช้ทำในสิ่งผิดกฎหมาย)”