Tom Lee จาก Fundstrat มองหุ้นมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ในปีนี้จากผลประกอบการที่แย่ แสดงให้เห็นว่าข่าวร้ายสะท้อนไปในราคาเรียบร้อยแล้ว
แม้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาจะน่าผิดหวัง แต่ S&P 500 ปรับเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบเป็นรายปี เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับนักลงทุนและนักกลยุทธ์ที่มองว่าหุ้นจะเป็นขาลง
แม้รายได้จะมีแนวโน้มลดลง แต่ประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ลดลงมาก่อนหน้านี้แล้วหลายเดือน
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่ต้องดูคือราคาหุ้นจะตอบสนองต่อ EPS ที่ประกาศออกมาแล้วอย่างไร
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ได้กังวลกับผลประกอบการที่ออกมามากนัก
จากข้อมูลของ Fundstrat ผลประกอบการที่ไม่เป็นตามคาดที่ประกาศออกมาในไตรมาสที่ 4 ทำให้หุ้นของบริษัทลดลงประมาณ 1% ซึ่งดีกว่าในไตรมาส 3 ที่มีการเทขายจนทำให้หุ้นของบริษัทลดลง 2.5%-3% หลังจากประกาศผลประกอบการ
โดยสองกลุ่มที่มีผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปีคือกลุ่มเดียวกันกับที่มีผลขาดทุนมากที่สุดในไตรมาสที่ 4 นั่นก็คือ กลุ่มสื่อสารและสินค้าฟุ่มเฟือย
ไม่ได้หมายความว่า EPS ลดลงเป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่ข่าวร้ายที่จะส่งผลต่อ EPS ในปี 2023 ถูกสะท้อนในราคาไปเรียบร้อยแล้ว
ความกังวลต่อผลประกอบการที่ไม่ได้มากนัก ทำให้ Lee มั่นใจว่าสัญญาณบวกต่าง ๆ ที่ผลันดันให้ตลาดหุ้นขึ้นในเดือนมกราคมจะช่วยผลักดันดัชนี
S&P ให้ขึ้นไปอีก 18% ในปีนี้ไปถึงที่ระดับ 4,800 จุด
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมองตลาดเป็นขาลง นั่นทำให้ราคาหุ้นอาจไม่ได้ถูกผลักดันขึ้นไป
นักลงทุนยังคงมีมุมมองเชิงลบกับตลาด ทำให้ Wall Street คาดว่าราคาเฉลี่ยสิ้นปีจะอยู่ที่ 4,050 จุด แสดงถึงการลดลง1% จากระดับปัจจุบัน
“แม้จะมองว่าหุ้นมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ในปีนี้ แต่มีข้อยกเว้นคือหากตลาดหุ้นมีแนวโน้มอ่อนแอลง จากผลตอบแทน YTD และคำเตือนตลาดหมีจากนักวิเคราะห์
แต่ข้างต้นแสดงให้เห็นว่าตลาดกำลังพูดถึงเรื่องราวที่ต่างออกไป หากตลาดหุ้นท้าท้ายกรอบเดิม อาจต้องกลับมาทบทวนอีกครั้ง” Lee กล่าว