ตลาดหุ้นเริ่มต้นปี 2023 ด้วยการปรับตัวเป็นขาขึ้น อย่างน่าตกใจ แต่ตลาดหุ้นขาขึ้นรอบนี้ยังมีความไม่แน่นอน
“ตลาดเริ่มต้นปีด้วยความสดใส แรงหนุนจากแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งทั่วโลก ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง และนโยบายธนาคารที่ไม่ได้กดดันอย่างที่หลายฝ่ายคาด” El-Erian อ้างถึงเงินเฟ้อที่ลดลง โดยตัวเลขเงินเฟ้อลดมาอยู่ที่ระดับ 6.5% ในเดือนธันวาคม ทำให้มีการคาดการณ์ว่าธนาคารสหรัฐฯจะเริ่มผ่อนคลายโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4.25% ในปีที่ผ่านมาเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่ามาก จนทำให้ดัชนี S&P500 ลดลง 20%
อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดว่า FED จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง 0.25% ในเดือนกุมภาพันธ์
แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ชะลอลง และโอกาสที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2023 นี้ ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น โดยต้นปี 2023 ดัชนี S&P500 ปรับเพิ่มขึ้น 4%
แต่ El-Erian เตือนว่า ยังมี 4 ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นยังมีความผันผวน
การเปิดเมืองของจีน
แม้การเปิดเมืองของจีนจะกระตุ้นอุปสงค์และอุปทานทั่วโลก แต่เรื่องของการระบาดของโควิด-19 หากไม่มีการฉีดวัคซีนอย่างแพร่หลาย จำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นได้
“นอกจากความไม่แน่นอนขอนโยบายของรัฐบาลแล้ว การเพิ่มขึ้นของการระบาดในจีนก็เป็นอีกความเสี่ยงที่น่าจับตา” เขากล่าว
เงินในกระเป๋าของประชากรสหรัฐฯที่ลดลง
การอัดฉีดเงินของรัฐบาลในช่วงที่มีการระบาดหมดไป หลายครัวเรือนมีภาระหนี้สูงขึ้น
สิ่งเหล่านี้สร้างปัญหาให้กับการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อความแข็งแกร่งในตลาดแรงงานเริ่มสั่นคลอน
แต่ทีผ่านมา FED ได้ชี้ให้เห็นอัตราจ้างงานที่สูงหลายครั้ง เป็นเหตุผลว่าทำไมธนาคารกลาจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยไว้สูง
ล่าสุดทางการคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.6% ในปี 2023 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่า1% จากระดับปัจจุบันที่ 3.5%
เงินเฟ้ออาจค้างที่ 4%
El-Erian กล่าวว่า แม้เฟ้อกำลังลดลง แต่อาจลงมาไม่ถึงระดับเป้าหมายที่ FED คาดการณ์ที่ 2%
จากปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่สั่นคลอนเศรษฐกิจ
และแรงกดดันเงินเฟ้อในครั้งนี้ที่มาจากภาคบริการ ซึ่งไม่ได้ตอบสนองต่อนโยบายการขึ้นดอกเบี้ยของ FED
ทั้ง El-Erian และนักเศรษฐศาสตร์คนอื่น ๆ ได้ย้ำเตือนถึงอันตรายของภาวะเงินฝืดที่อาจเกิดขึ้นเหมือนในปี 1970 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่อัตราเงินเฟ้อยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อเศรษกิจ ทั้งอัตราว่างงานสูง การเติบโตต่ำ นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
FED ต้องดึงความน่าเชื่อถือกลับมา และจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
FED ยังคงสับสนกับความผิดพลาดในปี 2021 ที่บอกว่าอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นจะอยู่แค่ชั่วคราว
ทำให้ FED ลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้นักลงทุนจะมีความคาดหวังให้ตลาดหุ้นกลับมาขึ้นอีกครั้ง
“หาก FED จะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ จะเป็นเหตุผลจากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งกดดันภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ ”
ความกังวลว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากสัญญาณความตึงเครียดที่แสดงออกมาผ่านเศรษฐกิจ
ทั้ง Bank of America, Citibank, และ JPMorgan คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเล็กน้อยในปีนี้ แม้ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่ามีเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะถดถอยอย่างรุนแรง