Paul Krugman กล่าวถึงข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯดีขึ้นในไตรมาสที่สามที่ผ่านมา แต่เขาคิดว่า ตลาดอสังหาฯและการส่งออกน่ากังวลจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว
“รายงานดังกล่าวทำให้คนที่เคยกลัวว่าจะเกิด ‘ภาวะเศรษฐกิจถดถอย’สบายใจขึ้นมาเพราะเหมือนเป็นสัญญาณว่า สิ่งเลวร้ายที่สุดได้จบลงแล้ว” เขาทวีต
“แต่สำหรับผมแล้ว ยังมีสิ่งชี้ให้เห็นว่าการหดตัวกำลังจะเกิดขึ้น” เขากล่าวเสริม
นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบลผู้นี้กล่าวว่า การขาดดุลการค้าที่ลดลง ส่งผลให้ GDP สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.6% ต่อปีในไตรมาสสาม
แต่เขาคาดว่า ตัวขับเคลื่อนการเติบโตจะหายไป จากดอลลาร์ที่พุ่งขึ้นในปีนี้ ทำให้สหรัฐฯส่งออกได้น้อยลง และภาวะถดถอยในต่างประเทศ ทำให้ความต้องการสินค้าจากสหรัฐฯลดลงเช่นกัน
เขาชี้ว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นเหตุผลหลักว่าทำไมเขาถึงยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอยู่
เขามองว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกดดันตัวเลขการค้าด้วยค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า และผลกระทบต่อเงินในมือของชาวอเมริกัน ทำให้ความสามารถในการซื้อบ้านลดลงจากต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้น
“ทั้งสองประเด็นนี้จะนำไปสู่การหดตัวที่รุนแรงเมื่อเวลาผ่านไป”
เขากล่าวเสริมว่า การลงทุนอสังหาฯ ลดลงเพียง 12.5% ตั้งแต่ไตรมาสสี่ของปีที่แล้ว ถือเป็นการลดลงที่ค่อนข้างน้อย ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยกู้ซื้ออสังหาฯเพิ่มขึ้นและการขอกู้ลดลงเช่นนี้
“ดังนั้น อาจเห็นการหดตัวของภาคอสังหาฯจำนวนมากในอนาคต” เขากล่าว
เมื่อไม่นานมานี้ เขาเคยบอกว่า นโยบาย Fed เอาชนะเงินเฟ้อได้มากพอแล้ว
เนื่องจากผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ย กระทบต่อของความต้องการที่อยู่อาศัยและการค้า
กด จนลดแรงกดดันต่อเงินเฟ้อที่สูงขึ้นแล้ว
เขาบอกว่า หาก Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงกว่าเดิม
เขายังชี้ไปที่อัตราการว่างงานที่ลดลง เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ตอนนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการหดตัวครั้งใหญ่ที่เกิดจาก Fed
