Mark Mobius มอง Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยไปถึง 9% เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ร้อนแรง
นักลงทุนมหาเศรษฐี Mark Mobius มองว่า อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯอาจพุ่งสูงถึง 9% จากความพยายามของ Fed ในการควบคุมเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
“เพราะเงินเฟ้อตอนนี้อยู่ที่ 8% ผมจึงมองว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยไปถึง 9% เพราะทฤษฎีบอกว่า คุณต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าเงินเฟ้อ จึงจะสามารถจัดการกับเงินเฟ้อได้”
Bloomberg ให้ข้อมูลว่าการคาดการณ์ดังกล่าวของ Mobius น่าจะอ้างอิงมาจากทฤษฎีของ Taylor (John Taylor นักเศรษฐศาสตร์จากสแตนฟอร์ด) ที่กล่าวถึงการปรับอัตราดอกเบี้ยโดยคำนวณจากเงินเฟ้อและปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่น ๆ
แต่การคาดการณ์ของ Mobius เหนือว่าที่นักลงทุนและธนาคารกลางสหรัฐฯคาดไว้มาก
นักลงทุนคาดว่า Fed อาจะขึ้นดอกเบี้ยไปถึง 5% ภายในต้นปี 2023 (ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool) และจากสรุปการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของ Fed ที่เผยแพร่ในเดือนกันยายน แสดงให้เห็นว่า ผู้กำหนดนโยบายอาจจะขึ้นดอกเบี้ยไปถึงจุดสูงสุดที่ 4.6%
Fed คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในเดือนพฤศจิกายนและเป็นไปได้ว่าจะขึ้นอีกครั้งในเดือนธันวาคม
อัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ปรับขึ้นมาถึง 3-3.5% จากที่เกือบใกล้ 0% ในปีนี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลง จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นรวมไปถึงความกังวลว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยของนักลงทุน
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 4% สูงสุดตั้งแต่ปี 2007 (จากต้นปีที่ 1.6%) ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น 2 ปี พุ่งทะลุ 4.5% ครั้งแต่นับตั้งแต่ปี 2008 (จากต้นปีที่ 0.76%)
Mobius กล่าวว่า มุมมองของเขาอาจไม่เป็นเช่นนั้นถ้าตัวเลข CPI ลดลง แต่ก็ยังไม่เห็นว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะลดลงเร็ว ๆ นี้
นักลงทุนต่างได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งเป็นเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ณ เดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 6.6% จากปีก่อนซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่มากที่สุดตั้งแต่ปี 1982
Bloomberg สำรวจมุมมองนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าอาจอยู่ที่ 6.5% ในปีนี้
ราคาที่อยู่อาศัยที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 8.2%ในเดือนกันยายน
Mobius กล่าวอีกว่า เขาจะขายหุ้นบริษัทที่มีสัดส่วน D/E Ratio (อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของเจ้าของ) สูง และบริษัทที่มีผลตอบแทนจากเงินทุน (Return on Capital) ต่ำ นั่นก็เพราะว่า “บริษัทที่มีหนี้สินสูง จะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ” นั่นเอง