Jamie Dimon เตือนสหรัฐฯมีแนวโน้มเข้าสู่สภาวะถดถอยใน 6 – 9 เดือน
Jamie Dimon CEO JPMorgan Chase เตือนถึงแนวโน้มจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯและโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยภายในกลางปีหน้า
เขากล่าวว่า ในตอนนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงไปได้ดี การบริโภคก็ยังดีหากเทียบกับวิกฤตการเงินโลกปี 2008
“แต่คุณไม่สามารถพูดถึงเศรษฐกิจโดยไม่มองอนาคตได้ และนี่เป็นเรื่องที่เราต้องจริงจัง” เขากล่าว
ท่ามกลางตัวชี้วัดมากมายที่คอยส่งสัญญาณเตือน Dimon พูดถึงผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งเกินคาด และผลกระทบที่ไม่ทราบได้แน่ชัดจากการทำ QT รวมไปถึงสงครามรัสเซียในยูเครน
“นี่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง มันกำลังจะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 6-9 เดือนนับจากนี้ ขณะที่ยุโรปได้เข้าสู่สภาวะถดถอยแล้ว”
เขามีความคิดเห็นนี้ในช่วงเวลาที่ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยมีมากขึ้นเรื่องจากธนาคารกลางหลาย ๆ ประเทศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่พุ่งสูง
Charles Evans ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯแห่งชิคาโกกล่าว เมื่อเดือนที่แล้วว่า เขากังวลเกี่ยวกับ FED ที่เหมือนจะเดินหน้าไวเกินไปในการรับมือกับเงินเฟ้อที่สูงนี้
FED ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ต่อเนื่องเป็นครั้งที่สามเมื่อเดือนกันยายนผ่านมา ทำให้อัตราดอกเบี้ยล่าสุดขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3%-3.25% และจะขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องไปอีก
Dimon กล่าวว่า หลังจากที่ FED “ขึ้นดอกเบี้ยช้าเกินไป” จนเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ทศววรษ ในที่สุดก็ไล่ตามเงินเฟ้อทันอย่างเห็นได้ชัด
เราได้แต่หวังว่า ขอให้ FED ทำมันได้และสามารถชะลอเศรษฐกิจลงได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
‘เป็นการยากที่จะคาดเดา เตรียมตัวให้พร้อมดีกว่า’
เขาไม่แน่ใจนักว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯจะเกิดขึ้นนานแค่ไหน ซึ่งเราควรประเมินเผื่อไว้หลาย ๆ ทาง
“มันสามารถเป็นได้ทั้งเหตุการณ์เบา ๆ และรุนแรง ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยกับเหตุการณ์นี้ดังนั้น ผมมองว่าเป็นการยากที่จะมานั่งคาดเดา แต่เราควรเตรียให้พร้อมไว้ดีกว่า”
Dimon กล่าวว่า สิ่งเดียวที่เขามั่นใจคือ ตลาดเต็มไปด้วยความผันผวน เขาเตือนถึงนโยบายหรือเงื่อนไขการเงินต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไม่นอนและไร้ระเบียบ
เมื่อถามถึงแนวโน้มดัชนี S&P 500 เขามองว่าดัชนีมีแนวโน้มลงได้อีก 20% จากปัจจุบัน และหากมี 20% ถัดไปอีกก็จะเจ็บปวดกว่านี้มาก
จากการพูดคุยกับนักวิเคราะห์และนักลงทุนจำนวนมาก Dimon กล่าวว่าธนาคารกำลังเตรียมรับแรงพายุเฮอริเคนทางเศรษฐกิจที่เกิดจาก FED และสงครมรัสเซีย
“JPMorgan กำลังดูแลงบดุลอย่างใกล้ชิด” และเขาแนะนำให้นักลงทุนทำเช่นเดียวกัน
ตลาดกำลังติดตามเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทจำนวนมาก เช่นเดียวกับผลประกอบการของ JPMorgan โดยหุ้นของธนาคารลดลงประมาณ 33% YTD