JPMorgan ฟันธงราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงฤดูร้อน แต่อาจดีดกลับในช่วงสุดท้ายของปีสู่ระดับ 100 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล จากอุปทานที่ตึงตัว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันมีโอกาสจะไปแตะที่ 101ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรลใน Q4 และอยู่ที่ 98 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรลในปี 2023
“ท่ามกลางการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก การเกินดุลของน้ำมันที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน กำลังจะกลับตัวเป็นการขาดดุลตั้งแต่เดือนตุลาคม”
หลังจากที่ราคาน้ำมัน ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากแตะที่ระดับ 122 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรลในเดือนมิถุนายน และเมื่อวันศุกร์ราคาน้ำมัน Brent ได้ร่วงลง 5% สู่ระดับ 86 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล
JPMorgan บอกเหตุผล 4 ข้อ ว่าทำไมน้ำมันดิบ Brent จะขึ้นไปสู่ระดับ 100 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรลในไม่ช้า
– ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก คาดว่าจะฟื้นตัวประมาณ 1.5 ล้านบาร์เรลในไตรมาส 4 นี้ โดยเฉพาะอย่างยื่ง วิกฤตก๊าซธรรมชาติ กระตุ้นให้มีการใช้น้ำมันมากขึ้น
– กำหนดการส่งมอบน้ำมันสำรองจาก US Strategic Petroleum Reserve ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ อาจถูกลดหรือถูกยกเลิก
– ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ที่จะเพิ่มอุปทานจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันอาจไม่เกิดขึ้น หลังจากกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ความพยายามที่จะคืนสถานะข้อตกลง “ได้พังทลายไปแล้ว”
– มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย จำกัดอุปทานและการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในยุโรป ซึ่งจะเริ่มดำเนินการภายในวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งอาจทำให้รัสเซียได้รับเงินเพิ่ม 4.1 ล้านบาร์เรลต่อจากการส่งมอบให้กับลูกค้ารายอื่น แต่ในทางทฤษฎีเรือบรรทุกน้ำมันรัสเซียสามารถบรรทุกน้ำมันได้เพียง 3.2 ล้านบาร์เรลต่อวันเท่านั้น ทำให้เกิดการขาดแคลน 900,000 บาร์เรล อย่างไรก็ตาม จีนและอินเดียยังมีความต้องการน้ำมันจากรัสเซียและจะมาซื้อน้ำมันส่วนนี้ไป
แม้การตรึงค่าเงินดอลลาร์ จะไม่ได้อยู่ในการคาดการณ์ของ JPMorgan แต่ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากน้ำมันส่วนใหญ่ขายเป็นดอลลาร์ ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมันเนื่องจากทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีราคาแพงสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินต่างประเทศ
ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าจนทำให้ US Dollar Index แตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ผลส่งให้ราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผานมา
“ภัยคุกคามจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ยังคงส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันต่อเนื่อง นโยบายการเงินที่ตึงตัวช่วงสองสามวันที่ผ่านมากดดันราคาน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญ” Craig Erlam นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Oanda กล่าว “ขณะนี้ดูเหมือนธนาคารกลางจะยอมรับแล้วว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งการหยุดภาวะเงินเฟ้อ และอาจส่งผลต่อความต้องการในปีหน้า”