#谈亿 #ถันอี้ #ถามอีกกับอิกเรื่องลงทุนจีน
“ทุกคนกลัวว่าจีนจะโดนพิษได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า” “แต่นี่คือโอกาสในการเข้าไปลงทุนในจีน”
เฮีย Ray Dalio Hedgefund สุดเท่ (Hedgefund ที่ใหญ่ที่สุดในโลก) บอก ด้วยท่าทีชิลๆ สบายๆ
ผมมีโอกาสได้ฟังคลิปสัมภาษณ์ของแก ที่ Bridgewater Associates และคิดว่ามีหลายอย่างที่คนไทยสามารถเรียนรู้จากผู้ชายคนนี้ครับเลยจะมาเล่าให้ฟังครับ
มาลุยกันครับ
==============
จีนเติบโตก้าวกระโดดมากๆในช่วง 35 ปีที่ผ่านมา
1. เฮีย Ray Dalio เคยไปที่เมืองจีนช่วง 1984 ครับ (35 ปีที่แล้ว) แกเล่าให้ฟังว่านับตั้งแต่วันนั้นจนถึงทุกวันนี้ ตัวเค้าเองได้เห็นและสัมผัสได้เลยว่าเมืองจีนโตอย่างก้าวกระโดดมากๆ
“ผมได้รับคำเชิญจากบริษัทแห่งหนึ่ง ที่เป็นบริษัทเดียวที่รับการอนุญาตให้ทำธุรกรรมกับต่างประเทศในเวลานั้น”
แกเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นค่าแรงของคนจีนกับต่างประเทศต่างกันมากๆ “แต่ผมฟังธงกับคนจีนเลยว่า อีกไม่นานประเทศจีนจะเต็มไปด้วยตึกระฟ้า”
“บุคลิกลักษณะ (ความขยันและคุณค่าความสัมพันธ์ที่คนจีนให้ความสำคัญอย่างมาก) และพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ของคนจีนทำให้ จีนก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตก้าวกระโดดได้อย่างมหัศจรรย์”
2. ตัวเลขที่เติบโตก้าวกระโดดดที่ว่า มีหลายมุมครับ เช่นรายได้ต่อประชากรเพิ่มมากขึ้น 26 เท่า
สัดส่วนเศรษฐกิจจีน เพิ่มขึ้นจาก 2% ของ GDP ทั้งโลก จนตอนนี้คิดเป็นสัดส่วน 22% เพิ่มขึ้นมาก ทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจแข่งกับสหรัฐได้สบายๆ
อัตราความยากจนก็ลดลงหนักมาก จาก 88% เหลือเพียงไม่ถึง 1%
อายุขัยของคนจีนก็เพิ่มขึ้น 10 ปี
มูลค่าตลาดหุ้นจีนเพิ่มขึ้น 4 เท่าในช่วง 10 ปีล่าสุด, ส่วนตลาดพันธบัตรเองก็โต 7 เท่า โตหนักมากๆครับ
3. ไม่ใช่แค่นี้ครับ… จีน มีจำนวน startup ที่เป็นระดับ unicorn (มูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญ) คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 34% ของทั้งโลก
แม้ว่าจะยังน้อยกว่าสหรัฐที่มี unicorn ทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วน 47% แต่จีนกำลังเร่งเครื่องอย่างเต็มที่ “แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ ถ้าวัดกันที่มูลค่าของบริษัทของ unicorn ประเทศจีนคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 43% น้อยกว่าสหรัฐที่อยู่ระดับ 45%” ห่างกันนิดเดียวครับ
4. “จีน กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก” แม้ว่าสงครามการค้าจะตึงเครียดฝุดๆ!
“เป็นประเทศที่มีมูลค่าการค้าสูงที่สุดในโลก” และเป็นประเทศที่มีตลาดหุ้นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้
5. “ผมไปๆมาๆ เมืองจีนกว่า 20 ปี ทำให้ผมชอบจีนมากๆ”
เฮีย Ray Dalio ชอบเมืองจีนและคนจีนมากๆ ถึงขั้นให้ลูกชายสุดที่รัก ไปเรียนที่นู้นตอนอายุ 11 ปี ก่อนที่จะเริ่มทำธุรกิจในจีนอีก 20 ปีถัดมา
(ช่วงแรกไปจีนเพราะความชอบ ก่อนที่จะสายสัมพันธ์นานกว่า 20 ปี ถึงทำธุรกิจกับคนจีน)
==============
สงครามการค้าในมุมมองใหม่
1. “มองว่า ความขัดแย้งระหว่าง 2 ขั้วมหาอำนาจอย่างสหรัฐและจีน เป็นเรื่องธรรมชาติมากๆ” เหตุผลที่เฮีย Ray Dalio มองคือ จีนเติบโตและขยายตัวเร็วมากๆ เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีปัญหากับมหาอำนาจเบอร์ 1 ของโลก
“แต่อย่าลืมว่าตามประวัติศาสตร์ของจีน มักจะเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกอยู่เรื่อยฟอยู่แล้ว รอบนี้ก็เพียงแค่กลับมาทวงความยิ่งใหญ่เท่านั้น”
2. ในอดีต ก็เคยเจอเหตุการณ์การช่วงชิงเปลี่ยนขั้วมหาอำนาจระดับโลก ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมากๆ ทั้ง เนเธอร์แลนด์, อังกฤษ, และมหาอำนาจล่าสุดคือสหรัฐ
3. เฮีย Ray Dalio เท้าความหลังและชวนคิดว่า “สมัยนั้น คุณจะไม่ลงทุนกับ เนเธอร์แลนด์ตอนที่เป็นยุคทองของเค้าในช่วง คศ.ที่ 17 เหรอ?
หลังจากที่มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมแล้วทำให้สหราชอาณาจักร เป็นมหาอำนาจ คุณจะไม่ลงทุนกับเค้าเหรอ?
แล้วในอดีตคุณจะไม่อยากลงทุนในสหรัฐเหรอ ถ้าเรารู้ว่าสหรัฐจะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจ
พูดง่ายๆคือแกพยายามอธิบายให้เห็นภาพว่า ในเมื่อจีนกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจ และกำลังจะเข้าสู่ยุคทอง (ต่อให้มีปัญหาความขัดแย้งในตอนนี้) แต่คุณจะไม่ลงทุนเพื่อเติบโตไปกับเค้าเหรอ?
==============
ทุกประเทศมีความเสี่ยงทั้งนั้นแหละครับ “การไม่ลงทุนต่างหากที่เป็นความเสี่ยง”
1. หลายคนมองว่าที่ไม่กล้าลงทุนจีนเพราะมีความเสี่ยง แต่ทุกตลาดมันมีความเสี่ยงในตัวของมันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นยุโรป สหรัฐ เช่นเดียวกับจีนเองก็มีความเสี่ยง
ยุโรปเองก็มีความเสี่ยง และจะเสี่ยงมากๆด้วยถ้าหากมาตรการนโยบายการเงินเริ่มหมดน้ำยา
และตอนนี้พวกเรามีปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก และ(บริษัท)ในยุโรป เองก็ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์และไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยีได้ดีมากพอ
2. ส่วนสหรัฐเองก็มีความเสี่ยงมากเช่นกัน “ตอนนี้มีความเสี่ยงหลายอย่างผสมปนเปกันไป เช่น ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นระหว่างคนรวยและคนที่มีรายได้น้อย”
“นอกจากนี้ยังมีปัญหาระบบการเมือง และความขัดแย้งทางความคิดระหว่างระบบสังคมนิยมและทุนนิยม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้ง”
และยังไม่นับประสิทธิภาพของนโยบายการเงินที่ตอนนี้เริ่มลดลงอย่างมาก
3. ตลาดเกิดใหม่เองก็เช่นกันก็มีปัญหาในแบบตัวเอง ประเทศจีนเองก็เช่นกันก็มีความเสี่ยง
แต่การที่ใครก็ตามไม่เริ่มลงทุนในจีนต่างหากที่เป็นความเสี่ยงมากๆ และยิ่งคุณเริ่มลงทุนเร็วแค่ไหนยิ่งดี
“สิ่งที่แตกต่างของจีนคือ จีนมีความสามารถในการบริหารจัดการและใช้นโยบายการเงินได้ดีมากเมื่อเทียบกับสหรัฐ”
“สิ่งที่ผมกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจในโลกตะวันตกคือ ความสามารถของธนาคารกลางประเทศต่างๆในการจัดการปัญหาในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยลดลงจนเหลือเพียง 0%” ซึ่งจีนทำได้ดีกว่ามาก
==============
แนะนำให้ลงทุนกระจายความเสี่ยง
1. ตัวเฮียเองไม่คิดว่าเรากำลังจะเข้าสู่ภาวะสงครามเหมือนในอดีต เพียงแต่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ supply chain ทั้งโลก
“เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงว่า ประเทศไหนที่จะเป็นฝ่ายผลิตและสร้างสรรค์เทคโนโลยี (ในโลกอนาคต) กันแน่” แกน่าจะหมายถึงจีนเนี่ยแหละครับ
2. “ผมเชื่อว่า จีนเป็นคู่แข่งของสหรัฐอยู่แล้วและเอกชนจีนก็เป็นคู่แข่งกับคนทั่วโลกอยู่ดี”
“ถ้าคุณเชื่อในหลักการกระจายความเสี่ยง และถ้าเปรียบสนามลงทุน เหมือนเป็นสนามแข่งม้า” “คุณเองก็ควรจะเดิมพันไปกับม้าทั้งสองตัว” เป็นการเปรียบเทียบซะเห็นภาพเลยนะคับเฮีย
“ผมเชื่อว่าทั้งจีนและสหรัฐจะมีการปรับตัวครั้งใหญ่ และคิดว่าจะมีพัฒนาการที่ดีในทั้งสองประเทศ”
==============
ทำไมจีนน่าสนใจ น่าลงทุนตอนนี้
1. หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้จีนน่าลงทุน เพราะตอนนี้จีนเปิดตลาดให้เข้าไปลงทุนในจีนในหลายด้านมากขึ้น และสังเกตให้ดีว่า MSCI ก็นับดัชนีจีนเข้าไปรวมในตะกร้าแล้ว ก็สะท้อนให้เห็นว่าจีนได้รับความสนใจและเปิดประเทศมากขึ้นแล้ว
2. อย่าลืมว่าจีนเป็นประเทศที่มีนักลงทุนเข้าลงทุนใน Fintech มากที่สุด,
อันดับที่ 3 ในด้าน AI และ Machine learning,
อันดับที่ 2 ในด้านอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ (นาฬิกาอัจฉริยะ),
อันดับ 2 ด้านเทคโนโลยี VR, อันดับที่ 2 ของเทคโนโลยีด้านการศึกษา, และ่อันดับที่ 2 ด้านรถยนต์ไร้คนขับ
“และตอนนี้จีนกำลังวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วมากๆ ซึ่งน่าจะแซงหน้า ขึ้นมาเป็นที่ 1 ของโลกได้ในทุกๆด้านเร็วๆนี้”
3. เฮีย Ray Dalio ให้ข้อคิดว่าตามธรรมชาติตลาดหุ้นจะสะท้อนทั้งข่าวดีและข่าวร้ายอยู่แล้ว
“ตอนที่หุ้นวิ่งขึ้นแรงๆ ก็จะมีข่าวดีตามมา” “ตอนที่หุ้นมีแรงขาย ก็จะมีข่าวร้ายมาเป็นชุดๆ”
”ถ้าคุณรอให้ทุกอย่างเคลีย ชัดเจน รอให้ทุกอย่างกลับมา (สงบ) เรียบร้อยไม่มีปัญหา ก็รอได้นะ”
แต่คุณจะต้องจ่ายซื้อหุ้นในราคาที่แพงมากกว่า ตอนที่คุณไม่รอ นั่นเองครับ “คำถามคือเรากำลังจะมีสงครามหรือป่าว?” “ถ้ามีสงครามก็คงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่บอกเลยว่าตอนนี้ไม่ใช่สงครามแบบเดิมๆแน่ๆ”
“คุณเลือกได้นะ ว่าจะเป็นนักลงทุนคนแรกๆ หรือคนท้ายๆ” แต่ถ้าถามเฮีย Ray Dalio แกขอเป็นนักลงทุนคนแรกๆดีกว่าครับ
4. แม้บางคนจะบอกว่าจีนไม่ได้มีระบบการเงินที่รัดกุมมากพอเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้ว
“แต่ผมขอเถียงเลยว่า การที่ระบบควบคุมจีนที่ยังไม่มีประสิทธิภาพแบบนี้แหละ ที่ทำให้เป็นโอกาสในการลงทุนในประเทศนี้”
“ผมรู้ว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ถูกนำมาถกเถียงอย่างมาก ในสังคมโดยเฉพาะตอนนี้ แต่ผมก็คิดว่าเป็นจังหวะในการเข้าลงทุนในจีน และคุณเองก็คงรู้ว่าผมเป็นคนจริงใจในการพูดไม่ได้มีอะไรแอบแฝง”
แกฝากทิ้งท้าย ว่า จีนในอีก 10-15 ปีข้างหน้าจะเป็นคนละภาพกับที่เราเห็นตอนนี้แน่ๆ
“วันนี้เราไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าเค้าจะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน แต่จะแซงหน้าสหรัฐแน่ๆในทุกๆด้าน”
“จีนจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก” “เป็นประเทศที่มีการค้าขายมากที่สุดในโลก” “เป็นประเทศที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลก”
==============
ความเห็นของ #谈亿 #ถันอี้ #ถามอีกกับอิกเรื่องลงทุนจีน
ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับเฮีย Ray Dalio หลายอย่างด้วยกัน เช่น
จีนเป็นประเทศที่เติบโตเร็วจริงๆครับ นับแค่ 8 ปีที่ท่านผู้นำจีน สี จิ้น ผิง ขึ้นมาเป็นผู้นำ จีนก็เปลี่ยนไปเยอะมากครับ
คลิกเลย: https://www.tam-eig.com/…/จีนเปลี่ยนไปอย่างไร-ภายใต้การปกค…/
ส่วนตัวเห็นด้วยว่าเป็นเรื่องปกติมากครับ ที่สหรัฐโดยเฉพาะพี่ทรัมป์ที่เห็นตัวเลขเหล่านี้แล้ว ก็ต้องคิดแหละครับว่า ถ้าไม่ทำอะไร ยังไงก็ต้องแซงหน้าสหรัฐแน่ๆ
“จีนจะแซงสหรัฐก็ไม่ได้ และจะไม่ใช่สมัยที่เค้าเป็นอยู่ในตำแหน่งผู้นำสหรัฐแน่ๆ” พี่ทรัมป์เองก็เคยบอกไว้ครับ นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไม พี่แกซัดจีนแบบรัวๆนั่นเองครับ
ส่วนเรื่องที่จะเข้าไปลงทุน ก็เห็นด้วยครับ แต่อย่าลืมว่า ตลาดจีนไม่หมูครับ ผันผวนสุดๆ แถมยังอ่อนไหวต่อข่าวสงครามการค้าที่มาเป็นระยะๆ
แต่ถ้าเป็นการลงทุนระยะยาว และถ้าเราทำการบ้านเจอสินทรัพย์หรือหุ้นที่เติบโตระยะยาว ก็น่าสนใจครับ
แต่อย่าหวังรวยระยะสั้นครับ เพราะชีวิตไม่มาทางลัด การลงทุนเองก็เช่นกันครับ
==============
ปล. [แจก e-book] แนวคิดหลักการที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ทั้ง การใช้ชีวิตและการลงทุน
ตามสไตล์ของ Ray Dalio สุดยอด Hedgefund ผู้บริหารกองทุนมูลค่า 5 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงที่สุดในโลก
ตอนนี้ตัวเค้ามีทรัพย์สิน 1.94 หมื่นล้านเหรียญ หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท (จะเยอะไปไหน?)
และรวยเป็นอันดับ 67 ของโลกอีกด้วย !
กดอ่านกติกาการรับ E-book ได้ครับhttps://www.facebook.com/309527089143639/posts/2344614708968190?s=754348593&sfns=mo
==============
ตอนนี้เรากำลังยกเลิกการส่งไลน์แอด และไปส่งผ่าน Telegram ถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลและแนวคิดดีๆ แอดมาโลดเด้อ https://t.me/TAM_EIG