เป็นเรื่องของความขัดแย้งกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน มักถูกใช้เป็นข้ออ้างในการคว่ำบาตรในหลายประเทศ แม้ว่าหลายประเทศก็มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนแม้กระทั่งสหรัฐฯเอง แต่ประเทศที่ถูกคว่ำบาตร ดูเหมือนจะมีแต่ประเทศที่มีปัญหากับสหรัฐฯ ทั้งสิ้น และเกาหลีเหนือก็เป็นประเทศที่ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามของสหรัฐฯมานาน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะถูกคว่ำบาตรในครั้งนี้ เพราะขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือรุนแรงถึงขึ้นสามารถทำลายทุกจุดในสหรัฐฯได้ อีกทั้งนโยบายของเกาหลีเหนือไม่ได้วางบนวิธีคิดแบบปกติ สหรัฐฯจึงมองว่าเป็นความเสี่ยง ส่วนจีนก็ถูกคว่ำบาตรในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่เป้าหมายคือ ทิเบต ฮ่องกง และซินเจียง และมีการสงสัยว่าจีนมีการพัฒนาระบบ AI นอกจากนี้การคว่ำบาตรครั้งนี้ยังเป็นเรื่องของเป้าหมายของยุทธศาสตร์ความมั่งคงแห่งชาติสหรัฐฯ (NSS) ที่กล่าวว่าอเมริกาต้องพิทักษ์ผลประโยชน์ของคนอเมริกัน พิทักษ์มาตุภูมิ รวมถึงวิถีชีวิตคนอเมริกัน โดยมองว่าเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคาม และต้องทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเจริญรุ่งเรือง โดยทำอย่างไรก็ได้ให้เศรษฐกิจโตกว่าเศรษฐกิจจีน 2% และสหรัฐฯ ยังต้องการรักษาสันติภาพในเวทีโลก จะต้องดำรงไว้ซึ่งความเป็นผู้นำของโลก ซึ่งมองว่าประเทศที่จะมาลบล้างได้คือรัสเซียและจีน
ยุทธศาสตร์ระยะยาว มาจากความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ก่อนจะเขียนยุทธศาสตร์ระยะยาวขึ้นได้ จะต้องมองไปข้างหน้าก่อนว่าอะไรคือความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งก็มีการคาดการณ์ว่า ปี 2023 จีนจะมีรายได้เฉลี่ย/คน/ปี 12,000 ดอลลาร์สหรัฐจนกลายเป็นประเทศ High Income Country และปี 2027 ศักยภาพในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของจีนจะเทียบเท่ากับสหรัฐฯในภูมิภาคแปซิฟิค ต่อมาปี 2028 คาดว่าจีนจะโตเป็นเบอร์หนึ่งแซงหน้าสหรัฐฯ จากที่คาดไว้ปี 2035 ซึ่งเร็วขึ้นถึง 7 ปี และ ปี 2060 GDP ของจีนจะแทรงหน้าสหรัฐฯ
ไทยควรทำอย่างไร ถึงจะได้ประโยชน์จากความขัดแย้งนี้?
ปัญหาหนึ่งของไทยคือ เราไม่รู้ว่าเราต้องการอะไร ทั้งที่การเจรจาต้องมีข้อแลกเปลี่ยนแต่พอเราไม่มีความต้องการที่ชัดเจน ทำให้การทำข้อตกลงกับต่างประเทศเกิดขึ้นได้ยากขึ้น อีกทั้งมองว่าไทยต้องฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศที่เรามีความสัมพันธ์ไม่ดี เพื่อให้เราสามารถเป็นโซ่ข้อกลางได้ อย่ามองว่าประเทศในอาเซียนเป็นคู่แข่งควรหาผลประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาค และใช้อาเซียนเป็นจุดศุนย์กลาง และต้องไม่สนับสนุนการคว่ำบาตรและสร้างดุลอำนาจ