พี่ต้น คุณเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้พูดถึงภาพใหญ่ตลาดหุ้นไทยเอาไว้ว่า ตอนนี้ยังมีความมั่นใจว่าหุ้นในอาเซียนรวมทั้งในประเทศไทยนั้นยังมีความแข็งแกร่งตลาดที่อื่น หมายความว่าตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวลดลงน้อยกว่าและเมื่อมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นก็สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มากกว่า จุดหนึ่งมาจากภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งหากย้อนกลับไปเมื่อ 6-7 เดือนที่แล้ว จะเห็นได้ว่าเงินไหลเข้าจากต่างชาติเข้ามาในไทยเป็นจำนวนถึงหนึ่งแสนล้าน เพราะต่างชาติเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยกำลังมีการฟื้นตัวกลับขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากดู GDP ประมาณการระหว่างปีนี้กับปีหน้าที่คาดว่าเติบโตขึ้นได้ อีกทั้งเงินเฟ้อในเวลานี้อยู่ในระดับต่ำเพียงแค่ 2% ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มธนาคาร หรือ พลังงาน มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี ทำให้ SET Index ปรับตัวขึ้นเช่นกัน
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์สงครามระหว่างประเทศรัสเซียกับยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ภาพรวมบ้านเราในเวลานี้จากที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวกลับมา แต่อีกภาพหนึ่งก็เห็นเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นทำให้หลายคนเริ่มมองแล้วว่าเงินเฟ้อจะปรับลดลงเมื่อไร อย่างไรก็ตาม ยังคงคาดการณ์ว่าในภาพรวมของเศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตได้ดี
ส่วนคำถามที่ว่า ถือหุ้นกลุ่มไหนแล้วสบายใจนั้น ก็คงจะเป็นหุ้นที่ไม่ได้มีความผันผวนและไม่ได้หวือหวา ตัวอย่างเช่นหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคยังคงได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้อยู่ รวมไปถึงหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากรถไฟฟ้าเป็นหลัก เพราะมีความเป็นไปได้ที่การเดินทางภายในเมืองจะเริ่มเพิ่มมากขึ้น ส่วนหุ้นอีกกลุ่มก็จะเป็นเรื่องของสินทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวตามวัฏจักรทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัวอยู่นั้น พันธบัตรถือเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจที่ให้ผลตอบแทนสูง