พี่รัน คุณนิรันดร์ ประวิทย์ธนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้งเอวา แอดไวเซอรี่ (AVA Advisory) ได้พูดถึงสถานการณ์ตอนนี้ว่า เข้าขั้นวิกฤตแค่ไหนนั้น คิดว่าตอนนี้ถือเป็นช่วงที่เข้าขั้นวิกฤตเข้าให้แล้ว ส่วนตัวเป็นคนชอบเหรียญ Luna อยู่แล้ว เพราะเหรียญ Luna เป็นเหรียญ Stablecoin ที่ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน แต่มีการผลิตเหรียญ UST ตามความต้องการ เมื่อมีคนต้องการเหรียญ UST มากขึ้น เหรียญ UST ก็จะแข็งค่ามากขึ้น จะมีการใช้วิธีการ Burn เหรียญ Luna แล้วแปลงเป็นเหรียญ UST และเมื่อไรก็ตามที่ความต้องการเหรียญ UST ลดน้อยลง เมื่อนั้นก็จะมีการ Burn เหรียญ UST ทิ้งแล้วกลับไปแปลงเป็นเหรียญ Luna
กลไกแบบนี้มันน่าจะเวิร์คเพราะว่า เป็นการเพิ่มลดจำนวนซัพพลาย UST ในระดับที่ดี แต่พอมาดูอีกด้านหนึ่ง เหรียญ Luna มีการกระตุ้นจากเหรียญ UST มากจนเกินไป มีการให้ดอกเบี้ยคนที่เข้ามาฝากถึงประมาณ 19-20 % เมื่อมีความต้องการเหรียญ UST มากขึ้น ก็จะมีการสร้างเหรียญ UST มากขึ้นเท่านั้น จริง ๆ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวล เพราะการให้ผลตอบแทนที่สูงทำให้คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาไม่ได้มาเพราะศรัทธาในแพลตฟอร์ม แต่มาจากผลตอบแทนเป็นหลัก เป็นความเสี่ยงที่ทำให้ราคา Luna มีการปรับฐาน
คุณเกียรติพงศ์ มโนวิสุทธ์ Smartcontract Engineer บริษัท Avareum ได้พูดถึงจุดเริ่มต้นของเหรียญ Luna เอาไว้ว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าจุดมุ่งหมายหลักของ Terra ก็คือ ต้องการสร้างเหรียญ Stablecoin ให้ผูกกับประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ USD หรือเงินเยน แน่นอนว่ามันมีความผันผวนในการสร้างเหรียญ Stablecoin ขึ้นมา แล้ว Terra มีไอเดียว่า ความผันผวนที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเหรียญ Stablecoin จะสร้างเหรียญสินทรัพย์ที่ชื่อ Luna เพื่อเป็นการดูดซึมความผันผวนที่เกิดขึ้นบน Stablecoin
ดังนั้น Terra จะมี Modules พิเศษอีกตัวหนึ่งชื่อ Market Modules เป็นระบบที่มีการทำงานที่ช่วยให้มีการ Burn เหรียญ Luna เพื่อเป็นการ Mint UST ได้ ซึ่งการ Burn เหรียญ Luna จะมีมูลค่าเท่ากับ $1 ดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วจากนั้นก็นำเหรียญ UST ไปขายเพื่อทำส่วนต่างของราคา และหากถามว่า เหรียญ Luna และ UST จะกลับมาได้อย่างไร ก็คือ UST ต้องถูกใช้งาน เพื่อให้ LUNA ถูก MINT ขึ้นมาตามปกติอีกครั้ง