ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร บิดานักลงทุนหุ้นคุณค่าของไทย ได้พูดถึงเหตุผลที่ทำไมตลาดเวียดนามมีแรงขายแต่ยังมีความน่าลงทุนในระยะยาวว่า ช่วงที่ผ่านมานี้ตลาดเวียดนามมีข่าวหลายอย่างเข้ามากระทบ อย่างเช่น การปั่นหุ้น ทำให้การลงมารอบนี้น่าจะเป็นการปรับฐานทางเทคนิคมากกว่า จริง ๆ แล้วในระยะยาวตลาดหุ้นเวียดนามไม่ได้น่าห่วง คิดว่าประเทศเวียดนามยังไปได้ไกลอีกมาก
ตลาด ญี่ปุ่น ไทยและ เวียดนาม มีภาพการเติบโตคล้ายกัน คือเริ่มเปิดตลาดหุ้นพร้อม ๆ กับการเริ่มพัฒนาประเทศ และดัชนีตลาดหุ้นทั้ง 3 ประเทศมีการเติบโตยาวต่อเนื่องประมาณ 40 ปี 20 ปีแรกโตเร็วมาก ให้ผลตอบแทนสูงและ20 ปีหลังจะเริ่มโตแบบชะลอลง ตลาดหุ้นเวียดนามเปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เพียงแค่ 22 ปีตลาดหุ้นเวียดนามมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจาก 1,000 จุด มาอยู่บริเวณ 1,300 จุด หรือประมาณ 12 % เมื่อเทียบกับประเทศไทยแล้วมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 10 % คิดว่าอีก 18 ปีข้างหน้าหากเวียดนามทำได้อีกปีละ 10 % ก็ถือว่าเป็นการเติบโตที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
อีกทั้ง เวียดนามยังมีแนวโน้มเติบโตแรงกว่าไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เพราะเทคโนโลยีบางอย่างก็ก้าวข้ามไปได้เลย แต่บางอย่างก็ข้ามไปเลยไม่ได้ เช่น ห้างสรรพสินค้า อีกทั้งเทคโนโลยีเวียดนามจะไปเร็วกว่าไทย เพราะมีวิศวกรมีความสามารถ และค่าแรงถูก นักลงทุนต่างประเทศอยากเข้ามา มองภาพเวียดนามเติบโตเหมือนเกาหลี เพราะจุดแข็งของเวียดนามคือ ความคิดไปไกลและน่าเกรงขามมาก เวียดนามกล้าลุยตลาด กล้าทำไปแข่งขันกับระดับโลก
คุณชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง ได้พูดถึง เหตุการณ์ของเวียดนามในตอนนี้ ที่ทำให้นึกถึงสมัยปี พ.ศ.2535 ที่ตลาดหุ้นไทยถูกมองว่าเป็นเสือตัวที่ห้า ตอนนั้นตลาดหุ้นไทยคึกคักมาก มีเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามา แต่อยู่ดี ๆ ก็มีประเด็นข่าวที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมาก ซึ่งมาจากการปั่นหุ้นเป็นภาพคล้ายคลึงกับตลาดเวียดนามตอนนี้
