ประสบการณ์ตรง อู่ฮั่น vs. ปักกิ่งโมเดล ช่วยไทยรับมือได้หรือไม่?

สถานการณ์โควิด-19 ที่จีนเป็นอย่างไรบ้าง? 

สถานการณ์ที่จีนตอนนี้ มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 1,500 ล้านโดส (เฉลี่ย 1 เข็ม/คน)  และประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ยังระมัดระวัง โดยการล้างมือบ่อย ๆ หรือหากไปสถานที่ที่คนแออัดก็ยังต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา  อีกทั้งมีการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ และมีการสุ่มตรวจเชื้อและฉีดยาฆ่าเชื้อพัสดุนำเข้าจากต่างประเทศที่ด่านศุลกากร เพื่อป้องการนำเชื้อจากภายนอกประเทศเข้ามา 

ในช่วงวิกฤต “จีน” มีการจัดการและคลี่คลายสถานการณ์อย่างไร?

อย่างแรก คือ จีนจะมีบทลงโทษสำหรับคนที่ติดเชื้อแล้วปิดบัง Timeline  โดยสามารถสอบ Timeline ของผู้ติดเชื้อได้จากพิกัด GPS ในโทรศัพท์มือถือ และดูประวัติการใช้จ่ายกระเป๋าดิจิตอล (Wallet) ซึ่งทำให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น  นอกจากนี้ยังมี Platform ที่ให้ประชาชนสามารถเข้าไปดูได้ว่า ผู้ติดเชื้อแต่ละรายอาศัยอยู่ที่ไหน และไปไหนมาบ้าง เพื่อจะได้มีข้อมูลว่าตนเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่

ในด้านการตรวจหาเชื้อ มีการตรวจหาเชื้อแบบเร่งด่วน โดยวิธีคือตรวจเป็นกลุ่มรวมกันครั้งละ 10 คน หากกลุ่มไหนพบผู้ติดเชื้อ ถึงเรียกกลุ่มนั้นมาตรวจเพิ่ม ซึ่งวิธีนี้หากกลุ่มไหนไม่พบผู้ติดเชื่อ ก็จะทำให้ประหยัดเวลาไปได้ 10 เท่า  นอกจากนี้ ผลตรวจออกอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมง  เมื่อพบผู้ติดเชื้อ สามารถกักตัวได้ทันท่วงที

ปัญหาขาดแคลนบุคลากรและอุปกรณ์การแพทย์

ด้วยความที่จีนมีประชากรมาก ทำให้สามารถเกณฑ์คนจากทั่วประเทศไปช่วยเหลือในพื้นที่ที่วิกฤต และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ พรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีสมาชิกกว่า 90 ล้านคน ก็เป็นอีกแรงสำคัญที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือ ด้วยอุดมการณ์ “ทำเพื่อชาติ” 

ในด้านอุปกรณ์การแพทย์ต่าง ๆ จีนถือเป็นโรงงานการผลิตของโลก จึงมีความพร้อมในด้านการผลิตสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ ทั้งหน้ากากอนามัยและเครื่องให้ออกซิเจน ในช่วงระบาด ทุกโรงงานในจีนมีการเพิ่มกำลังการผลิต และหยุดส่งออกเพื่อผลิตใช้ในประเทศก่อน 

อีกทั้งจีนมีการส่งทีมจิตแพทย์ลงพื้นที่เพื่อดูแล “สภาพจิต” และให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นด่านหน้าของศึกครั้งนี้ด้วย