ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร บิดานักลงทุนหุ้นคุณค่าของไทย ได้วิเคราะห์สถานการณ์วิกฤตตลาดทุนตอนนี้ว่า สถานการร์ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าหนักสุดหรือไม่ เพราะไม่ใช่เป็นการปรับตัวลดลงแบบแรง ๆ ครั้งเดียวเลย วิกฤตที่อาจกำลังเกิดขึ้นอาจเป็นวิกฤตที่ช้านิดหนึ่ง หากว่ามีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นหรือมีการดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวมากขึ้นตามเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตลาดจะตามไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ลงทีเดียว ไม่แน่ใจว่าจะเป็นวิกฤตหรือเปล่า หากเกิดวิกฤตเลวร้ายจริงจะต้องมีการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงจนมั่นใจแล้วว่า ต้องเกิดวิกฤตขึ้นมาจริง
แต่รอบนี้มีความหวังว่าจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะทางธนาคารกลางของประเทศสหรัฐอเมริกาหรือ FED ไม่ได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยแบบเชิงรุก แต่จะค่อย ๆ ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ถ้าหากไม่เลวร้ายไปมากกว่านี้ ก็อาจจะดำเนินนโยบายแบบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป แม้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวลดลงมากถึง 20-30 % อาจเรียกได้ว่าเป็นวิกฤตแล้ว แต่จากประสบการณ์มองว่า วิกฤตจริง ๆ จะต้องมีการลงหนักมากกว่านี้
ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าวิกฤตจะจบลงอย่างไร บางคนยังมีความหวังว่าจะมีการฟื้นตัวกลับขึ้นมา เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ อย่างเมืองไทยเองตลาดหุ้นลบเพียง 4 % ตั้งแต่ต้นปีซึ่งถือว่าไม่ได้รุนแรงอะไร แต่ฝั่งนักเก็งกำไรจะค่อนข้างได้รับกระทบมาก เพราะตลาดในบ้านเรา แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ด้วยกันก็คือ กลุ่มปัจจัยพื้นฐานกับกลุ่มเก็งกำไร ซึ่งกลุ่มพื้นฐานตอนนี้มองว่ายังไม่ถือว่าอยู่ในขั้นเลวร้าย
การปรับตัวลดลง 4 % สำหรับตลาดหุ้นไทยถือเป็นเรื่องปกติมาก แต่สำหรับนักลงทุนอีกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่เก็งกำไรในเหรียญคริปโตที่มีการปรับตัวลดลงจนเรียกได้ว่าเป็นหายนะ ความเสี่ยงในต่างประเทศตอนนี้อาจกำลังเข้าสู่รอบการปรับตัวลดลงอย่างนาน จากที่ตลาดมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างยาวนานในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน เวลานี้หุ้นไทยไม่ค่อยมีโอกาสมากนัก ไม่มีหุ้นถูกที่ชัดเจน มีการเก็งกำไรกันมาก หากแพงเกินไปไม่แนะนำให้ซื้อ