#ลงทุนนอกโลก โดย ถามอีก กับอิก
ประเด็นที่ช็อคโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือ สายการบิน “Flybe” สายการบินยักษ์ใหญ่ที่สุดในยุโรป ประกาศ ล้มละลายแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
เรื่องนี้เรื่องใหญ่ครับ เพราะ Flybe ให้บริการกับผู้โดยสารปีๆนึง เกือบ 10 ล้านคน และเที่ยวบินกว่า 40% ที่อยู่ในอังกฤษก็ให้บริการโดยเจ้านี้แหละครับ
“นี่อาจจะเป็นสัญญานเตือนแรก….ที่ส่งสัญญานให้กับอุตสาหกรรมการบินครับทั้งโลก”
============
“1. 13 แสนล้านเหรียญ” หรือ 3 ล้านล้านบาท นี่คือตัวเลขรายได้ของสายการบินทั้งโลก มีโอกาสจะหายไปในพริบตาหลังจากได้รับผลกระทบจาก โควิด 19 ครับ
เป็นการประเมินเบื้องต้นของ IATA สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศครับ
สิ่งที่น่าตกใจคือ IATA ปรับตัวเลขคาดการณ์ว่าสายการบินจะมีรายได้หายไปนี้ เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัว เมื่อเทียบกับตัวเลขแรกที่มีการประเมินเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว
“เหตุการณ์ครั้งนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับช่วงเกิดเหตุการณ์ วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2008 ที่คนไม่กล้าเดินทางเพราะกลัวการก่อการร้าย” คุณ Alexandre de Juniac , CEO ของ IATA ออกแถลงการณ์ครับ
============
ข้อมูลที่ “ลงทุนนอกโลก” เห็นจาก AOG Aviation Worldwide คือ สัดส่วนที่จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ (ไม่นับจีน)
1. ไต้หวัน มีเที่ยวบินลดลง 90.4%
2. ฮ่องกง ลดลง 86%
3. เวียดนาม ลดลง 85.9%
4. ไทย ลดลง 76.9%
5. มาเลเซีย ลดลง 75.2%
“หลายคนยังกล้าเดินทางโดยเครื่องบินนะครับ” แต่สิ่งที่พวกเค้ากลัว และเริ่มไม่กล้าที่จะเดินทาง คือ กลัวจะต้องถูกกักตัวในต่างประเทศ
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้สายการบินต่าง ๆ จำเป็นต้องทยอยลดเที่ยวบิน และสายการบินอีกหลายแห่งก็จำเป็นต้องให้พนักงานลา โดยที่ไม่ได้รับเงินเดือน (ทั้งนักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน)
ตรงนี้แหละครับที่สอดคล้องกับรายงานของ IATA ที่บอกว่าสายการบิน เอเชียแปซิฟิค มีโอกาสเสียรายได้มากที่สุดในโลกมากถึง 5.7 หมื่นล้านเหรียญ
รองลงมาคือ ยุโรป ประมาณ 4.3 หมื่นล้านเหรียญ ส่วนอันดับ 3 คือสหรัฐ 2.1 หมื่นล้านเหรียญ
============
ข่าวดีคืออะไร?
ข่าวดีคือ ต้นทุนน้ำมัน คิดเป็นสัดส่วน 15-20% ของต้นทุนทั้งหมด ลดลงอย่างมีนัยยสำคัญเพราะ ความต้องการน้อยลง และทาง รัสเซียก็ยังมีมติไม่ยอมลดกำลังการผลิต ทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนักเกือบ 10%
============
ข่าวร้ายคืออะไร?
ข่าวร้ายคือ ไม่มีผู้โดยสารกล้าที่จะขึ้นเครื่องบิน ในขณะที่ยังต้องมีค่าใช้จ่าย fixed cost ทีต้องจ่ายประจำ
ยังไม่นับการแข่งขันก่อนหน้านี้ที่รุนแรง ทำให้อัตรากำไรน้อยอยู่แล้ว พอมาเจอ demand shock ที่หายไป แบบไม่ทันตั้งตัว
ทำให้สายการบินที่มีหนี้สินมาก ๆ, มีฐานทุนที่ไม่แข็งแรงมากพอ ก็อาจจะเซได้เช่นกัน
คาดการณ์เบื้องต้นว่า ถ้าการแพร่ระบาดจบได้ภายใน 4-5 เดือน ทางสายการบินก็คงจะพอประคองตัวเอง และฟื้นกลับมาได้
แต่ถ้ายาวนานกว่านั้น หลุมอากาศนี้ก็อาจจะเป็นหายนะ และก็อาจจะได้เห็นข่าวคล้าย ๆ กับ สายการบิน “Flybe” สายการบินยักษ์ใหญ่ที่สุดในยุโรป ที่วันนี้กลายเป็นอดีตไปแล้ว
============
ปล. 1.ภาพรวมสายการบินในไทยร่วงมาแล้วกว่า 22-36% นับตังแต่ต้นปี
2. BA ลดลง 22%, มูลค่าตลาด 1.1 หมื่นล้านบาท, กำไร 350 ล้านบาท
3. THAI ร่วง 31.3% , มูลค่าตลาด 1.02 หมื่นล้านบาท, ขาดทุนปีที่แล้ว 1.2 หมื่นล้านบาท!!!!!!!
4. AAV ร่วง 31% นับตั้งแต่ต้นปี, มูลค่าตลาด 7.4 พันล้านบาท, ขาดทุนปีที่แล้ว 474 ล้านบาท
5. NOK ลด 36%, มูลค่าตลาด 4.7 พันล้านบาท, ขาดทุน 2.05 พันล้านบาท
*ประเทศไทยยังมีอีกปัจจัยที่กำลังจะกระทบคือ การปรับใช้มาตรฐานบัญชี IFRS 16 ที่ให้เปลี่ยนวิธีการบันทึกสัญญาเช่า
เช่น เช่าเครื่องบิน ให้บันทึกเข้ามาเป็นภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น อาจจะกระทบกับ ตัวเลข D/E และอาจจะมีผลต่อเงื่อนไขของเงินกู้ และอาจจะส่งผลต่อสถานะทางการเงิน
============
เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต
อิสรภาพชีวิต !! อยู่ไหนก็ไม่พลาด อย่าลืมกดติดตามนะครับ หรือเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้เลย
ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน Line@: http://bit.ly/TAM-EIG_LINE
คลิกเลย