tam-eig.com

ทำไมตอนนี้เป็นจังหวะเติบโตไปพร้อมตลาดหุ้นเวียดนาม

“ตลาดหุ้นเวียดนามก็เหมือนตลาดหุ้นไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราเห็นว่าตลาดหุ้นและธุรกิจไทยเติบโตมาได้มากขนาดไหน ทางตลาดเวียดนามก็จะมีภาพแบบเดียวกัน” ⁣

เรามักจะได้ยินประโยคนี้เมื่อพูดถึงตลาดหุ้นดาวรุ่ง ซึ่งส่วนตัวผมเองเห็นด้วยกับคำพูดนี้ เพราะเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงมากทั้งในมุมเศรษฐกิจภาพใหญ่ และพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง⁣

แต่ต้นปีที่ผ่านมา มีแรงขายออกมาหนักมากเช่นกัน (ก่อนจะเริ่มเด้งขึ้นมาบ้าง)⁣
สวนทางกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแรงมากๆขึ้นในทุกๆวัน⁣

ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของปู่บัฟเฟตต์ที่บอกว่า “จงกลัวในยามที่ทุกคนโลภ และโลภในยามที่ทุกคนกลัว”⁣

วันนี้ก็เลยชวนเพื่อน ๆ นักลงทุนมาทำความรู้จักกับกองทุน K-VIETNAM จาก KAsset ทางเลือกในการลงทุนที่จะทำให้เราเติบโตไปพร้อมกับตลาดเวียดนาม ที่มีโอกาสพัฒนาได้อีกมากในอนาคตครับ⁣

ดูข้อมูลเพิ่มเติม K-VIETNAM ได้ที่ https://kbank.co/3xfSDeR
#KVIETNAM #KAsset

เริ่มต้นมาดูจากภาพใหญ่ก่อนครับว่ามีเหตุผลอะไรที่ผมมองว่าเวียดนามยังมีพื้นฐานที่แข็งแรงมาก ๆ ทั้งในปีนี้และปีหน้า⁣

อ้างอิงข้อมูลจาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ IMF คาดการณ์ว่า GDP ของเวียดนามโต 7.5% ในปีนี้ และ 6.8% ในปีหน้า ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่ม ASEAN Emerging Markets ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ⁣

โดยเติบโตจากทั้งการบริโภคในประเทศฟื้นตัวหลังโควิด-19, ภาคการส่งออกที่มีโอกาสเติบโตแข็งแกร่ง และมีเงินลงทุนจากต่างชาติที่ยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง⁣

สอดคล้องกับธนาคารโลก World Bank ที่มองว่าเศรษฐกิจเวียดนามปีนี้มีโอกาสเติบโตสูงถึง 5.5% โดยมีปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของภาคบริการที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน ⁣

ในขณะที่ตัวเลขอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP คาดว่าจะทรงตัวระดับ 58.8% ซึ่งมองว่าอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ⁣

และตามธรรมชาติถ้าแนวโน้มเศรษฐกิจดี ก็จะมีโอกาสที่บริษัทจดทะเบียนจะมีผลประกอบการเติบโตดี และทำให้ตลาดหุ้นมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน ⁣

ดูข้อมูลเพิ่มเติม K-VIETNAM ได้ที่ https://kbank.co/3xfSDeR ⁣
#KVIETNAM #KAsset

แต่ภาพการเติบโตระยะสั้นอย่างเดียวยังไม่พอครับ ต้องบอกว่าเวียดนามมีดีในเชิงโครงสร้างหลายอย่าง ทั้งที่เป็นแบบธรรมชาติ และในเชิงนโยบาย

แบบธรรมชาติความหมายของผมคือ จำนวนประชากร อ้างอิงข้อมูลจากธนาคารโลกซึ่งคาดการณ์ว่าจำนวนประชากรจะมีมากถึง 97.3 ล้านคนในปี 2020

และที่สำคัญส่วนใหญ่อายุ 15-54 ปี มีสัดส่วนมากถึง 61% ของประชากร สูงสุดในอาเซียนด้วย เป็นกลุ่มวัยทำงานที่ขยันมาก ซึ่งตรงนี้สำคัญต่อเศรษฐกิจ เพราะแปลว่ารายได้ต่อหัวปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็ว ก็จะช่วยให้การบริโภคในประเทศเติบโตมากขึ้นตามไปด้วย

ส่วนในเชิงนโยบายต้องบอกว่ารัฐบาลเวียดนามส่งเสริมอย่างเต็มที่ ทั้งการเจรจาการค้ากับต่างประเทศ ผ่อนคลายกฎระเบียบ ปฏิรูปตลาดเงินตลาดทุน ส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 5% ของ GDP (1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ) ​ทำให้ต้นทุนการทำธุรกิจลดลงระยะยาว

สะท้อนไปที่ตัวเลขการลงทุนของต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีล่าสุด 2021 มีเม็ดเงินการลงทุนจากต่างชาติสูงถึง 1.71 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐทั้ง ๆ ที่ยังเจอกับวิกฤตโควิด-19 

ทำให้ประเทศเวียดนามมีขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจระยะยาวครับ

ดูข้อมูลเพิ่มเติม K-VIETNAM ได้ที่ https://kbank.co/3xfSDeR

#KVIETNAM #KAsset

เพื่อน ๆ นักลงทุนอาจจะมีภาพจำว่าประเทศเวียดนามในอดีตเคยเจอวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตค่าเงิน⁣

แต่จากสถิติในช่วงหลังจะเห็นว่า การเคลื่อนไหวค่าเงินด่อง ของเวียดนามอยู่ในกรอบแคบมาก ๆ ไม่เกิน 5% เรียกได้ว่าแทบจะไม่ผันผวนเลย⁣

ในขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากภาคส่งออก ที่เติบโตอย่างโดดเด่น ⁣

และที่สำคัญ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ NPL อยู่ระดับค่อนข้างต่ำ นั่นแปลว่าระบบการเงินมีเสถียรภาพมากขึ้น นั่นเลยทำให้การลงทุนก็สามารถทำได้อย่างสบายใจครับ⁣

ดูข้อมูลเพิ่มเติม K-VIETNAM ได้ที่ https://kbank.co/3xfSDeR ⁣
#KVIETNAM #KAsset

อีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญคือ แรงขายในตลาดหุ้นส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนรายย่อยที่เป็นนักลงทุนกลุ่มหลัก ที่มีการซื้อขายในตลาดหุ้นเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 85% ของประชากรเวียดนาม

และบางส่วนมีการกู้ยืมเงิน margin เพื่อไปซื้อหุ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เมื่อเจอความผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศพร้อม ๆ กับประเด็นข่าว ประธานอสังหาฯรายใหญ่ถูกจับกุม ทำให้นักลงทุนตกใจกลัว เลยขายออกมาอย่างหนัก

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกับตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน ทาง Bloomberg คาดการณ์ว่ามีโอกาสเติบโต 21.8% ในปีนี้

ในขณะที่มี Valuation P/E ปี 2022 นี้ยังถูกเพียง 12 เท่า ทำให้มองว่าเป็นแรงขาย ตกใจระยะสั้น 

ณ​ เวลานี้ก็เริ่มน่าสนใจที่จะเริ่มมองหาโอกาสลงทุนในเวียดนามครับ

ดูข้อมูลเพิ่มเติม K-VIETNAM ได้ที่ https://kbank.co/3xfSDeR

#KVIETNAM #KAsset

ทางเลือกในการลงทุนในเวียดนามมีหลายรูปแบบครับ จะเข้าไปลงทุนโดยตรงก็ได้ครับ แต่จะมีความซับซ้อนและการหาข้อมูลก็ค่อนข้างยาก

ดังนั้นการลงทุนในกองทุนที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยมองหาโอกาสและข้อมูลการลงทุนให้ ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกันครับ

โดยกองทุนที่เราจะพูดถึงวันนี้คือ กองทุนเปิดเค เวียดนาม (K-VIETNAM) จาก KAsset

จุดที่แตกต่างของ K-VIETNAM คือมีการแบ่งการลงทุนเป็น 2 ส่วน คือ

1.การลงทุนโดยตรง ในหุ้นเติบโตรายตัวที่ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจของเวียดนาม ในสัดส่วนประมาณ 70-90%

และ 2. ลงทุนผ่าน ETF กองทุนรวมที่ลงทุนในเวียดนาม

ในสัดส่วน 20-30% เพราะมีสภาพคล่องสูงและช่วยบริหารประสิทธิภาพการลงทุน 

ทั้งนี้กองทุน K-VIETNAM ใช้กลยุทธ์แบบ Active มุ่งเน้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี โดยกองทุนมีทีมที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญทั้งในไทยและอาเซียน ซึ่งน่าจะเหมาะกับตลาดเวียดนามเพราะมีความผันผวนจากการที่นักลงทุนรายย่อยเป็นผู้เล่นหลักในตลาด

เน้นเฟ้นหาบริษัทที่คาดว่าน่าจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตในระยะยาว มีความสามารถในการแข่งขันสูง ทำให้มีโอกาสให้ผลตอบแทนดีอย่างสม่ำเสมอ 

โดยใช้สไตล์การวิเคราะห์ลงทุนแบบทั้ง Bottom up และ Top down ควบคู่กันไป

ดูข้อมูลเพิ่มเติม K-VIETNAM ได้ที่ https://kbank.co/3xfSDeR

#KVIETNAM #KAsset

เมื่อดูไส้ในของพอร์ตจะเห็นว่าภาพรวมของพอร์ตการลงทุนจะเน้นหลัก ๆ ไปที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ 24.5% , 

กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 16% 

และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค 12% 

ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบริษัทขนาดใหญ่และเติบโตอย่างมั่นคง มีสถานะทางการเงินดี ครอบคลุมธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจเวียดนาม

โดยทาง บลจ.กสิกรไทย จะเน้นวิเคราะห์ดูหุ้นรายตัวเป็นหลัก ไม่ได้อ้างอิงการลงทุนจากดัชนีชี้วัด

ดูข้อมูลเพิ่มเติม K-VIETNAM ได้ที่ https://kbank.co/3xfSDeR

#KVIETNAM #KAsset

ชวนมาดูตัวอย่างหุ้นในกองทุน K-VIETNAM กันครับ

1. Vingroup Joint Stock Company: บริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในดัชนี VN30 ประกอบธุรกิจหลากหลาย ทั้งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล โรงเรียน สวนสนุก และสถานบันเทิง

โดยรายได้หลักของบริษัทมาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วน 70% ของรายได้ทั้งหมด

2. Vinhomes Joint Stock Company: บริษัทที่มีมูลค่าตลาดใหญ่อันดับ 2 ในตลาดหลักทรัพย์ รองจาก Vingroup ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เป็นเจ้าของโครงการชั้นนำ ตั้งแต่ระดับสูงถึงระดับกลาง

โดยมีส่วนแบ่งการตลาด อยู่ที่ 15%  นอกจากโครงการที่อยู่อาศัยแล้ว VHM ยังพัฒนาอาคารสำนักงานอีกด้วย โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับโครงการที่อยู่อาศัย

3. Mobile World Investment Corporate:  บริษัทจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ไอที และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีส่วนแบ่งตลาดในอุตสาหกรรมถึง 45% 

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มทั้งทางออนไลน์และหน้าร้าน โดยมีอัตราการเติบโตในธุรกิจออนไลน์ที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

4.Vinamilk: ผู้ผลิตนมและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนม เช่น นมข้นหวาน นมผง โยเกิร์ต ไอศกรีมชีส และน้ำดื่มบรรจุขวด มีโรงงาน 15 แห่ง ทั้งในเวียดนาม กัมพูชา และสหรัฐฯ ส่งออกไปมากกว่า 55 ประเทศทั่วโลก และถูกจัดเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 50% เป็นรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

5.Masan Group Corporate: ผู้นำด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรโดยเฉพาะเนื้อสัตว์ รายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเนื้อสัตว์มีสัดส่วนถึง 70% ของรายได้ทั้งหมด

และยังมีบริษัทอื่น ๆ ประกอบธุรกิจธนาคาร และขุดเจาะเหมืองแร่

จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นหุ้นใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก ที่สำคัญเป็นผู้นำตลาดที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงมาก ๆ

ดูข้อมูลเพิ่มเติม K-VIETNAM ได้ที่ https://kbank.co/3xfSDeR

#KVIETNAM #KAsset

จุดที่น่าสนใจคือ กองทุนหุ้นเวียดนาม K-VIETNAM ทำผลตอบแทนย้อนหลังได้ดีเลยครับ⁣

โดยมีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี สูงติด 3 อันดับแรกของกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนามทั้งหมดที่ทำผลงานได้ดี (ตารางแสดงผลการดำเนินงานย้อนหลังทุกช่วงเวลาตามภาพ)⁣

แต่ที่สำคัญผลตอบแทนย้อนหลังสามารถเอาชนะดัชนีชี้วัดได้ทุกช่วงเวลาตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (ข้อมูล ณ วันที่ 29 เม.ย. 65) ⁣

และแม้ว่าบางช่วงจะติดลบ แต่ก็น้อยกว่าดัชนีชี้วัด สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการบริหารความเสี่ยงของกองทุนที่ไม่ได้เน้นเฉพาะการทำกำไรเพียงอย่างเดียว⁣

ดูข้อมูลเพิ่มเติม K-VIETNAM ได้ที่ https://kbank.co/3xfSDeR
#KVIETNAM #KAsset

ความเห็นของ #TAMEIG⁣

ตลาดหุ้นเวียดนามเป็นตลาดที่ต้องมีในพอร์ตบ้างครับ และยิ่งเป็นโอกาสที่ดีเพราะราคาหุ้นเวียดนามที่ปรับฐานลงมาในช่วงนี้ ทำให้ราคาอยู่ในระดับ valuation ที่น่าสนใจ ⁣

เพราะยังไงประเทศก็เติบโตแน่ ๆ ในเชิงโครงสร้างระยะยาว ๆ จากทั้งจุดเด่นจากภายในประเทศและต่างประเทศ⁣

แต่เพื่อน ๆ จะซื้อหุ้นเวียดนามมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่เพื่อน ๆ นักลงทุนรับได้ครับ⁣

โดยถ้าเป็นคนที่รับความเสี่ยงได้สูง สามารถลงทุนใน K-VIETNAM ได้เลยครับ เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาว 3-5 ปี (แนะนำว่าควรกระจายความเสี่ยงลงทุนสินทรัพย์อื่น และประเทศอื่นด้วย)

แต่ถ้ากังวลกับความผันผวนของตลาดเวียดนาม ทางผู้เชี่ยวชาญจาก บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้พักเงินในกองทุนความเสี่ยงต่ำอย่าง กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) เพื่อรอดูสถานการณ์ก่อนได้ 

ซึ่ง K-SF จะลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศที่มีเครดิตดี มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ พิสูจน์จากฝีมือการบริหารจัดการกองทุนที่ล่าสุดได้รับรางวัล Best Fund House – Domestic Fixed Income จาก Morningstar Fund Awards 2022 บริษัทจัดการกองทุนยอดเยี่ยม ประเภทการลงทุนตราสารหนี้ภายในประเทศ

ข้อมูลเพิ่มเติม K-SF https://kbank.co/3xdLc7W

ส่วนถ้าหากต้องการลดความเสี่ยงของพอร์ต สามารถเลือก กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม-A ชนิดรับซื้อคืนอัตโนมัติ K-GINCOME-A(R) เพื่อกระจายลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ได้ในกองทุนเดียว ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้กว่า 3,000 ตัวทั่วโลกที่มีโอกาสสร้างรายได้สม่ำเสมอ 

ในช่วงที่ผ่านมา สามารถให้ผลตอบแทน (Auto Redemption) ทุกเดือนเฉลี่ย 4% ต่อปี ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน* แม้จะเผชิญวิกฤตโควิด-19 *กองทุนจัดตั้งเมื่อ 10 มิ.ย 58

โดยสามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ที่ลิงค์นี้ครับ https://www.kasikornasset.com/Pages/K-GINCOME/K-GINCOME.html 

ข้อมูลเพิ่มเติม K-GINCOME-A(R) https://kbank.co/39arQXQ

ทั้งนี้ทั้ง 3 กองทุนสร้างผลตอบแทนดีสม่ำเสมอ ซื้อง่ายผ่าน K PLUS หรือ K-My Funds เริ่มต้นเพียง 500 บาท

และล่าสุดมี 2 โปรโมชันพิเศษ! ลดค่าธรรมเนียมการซื้อกองทุน K-VIETNAM / K-GINCOME-A(R) ทุกช่องทาง จาก 1.50% เหลือ 1.00%*  เมื่อลงทุนตั้งแต่ 25 เม.ย. – 30 มิ.ย. 65

ส่วนถ้าซื้อ กองทุน K-SF พิเศษ! รับ K-CASH สูงสุด 10,000 บาท* เมื่อลงทุนตั้งแต่ 1 – 30 มิ.ย. 65 

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือ การลงทุนในเวียดนามควรเป็นการลงทุนระยะยาว เพราะระหว่างทางอาจจะมีความผันผวนได้ เช่นจากแรงขายของนักลงทุนรายย่อย, ความเสี่ยงอัตราเงินเฟ้อ และความผันผวนของค่าเงิน 

และไม่ได้มีการจ่ายเงินปันผลทำให้อาจจะไม่เหมาะสำหรับเพื่อน ๆ นักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดไว้ใช้จ่ายระยะสั้น

ดูข้อมูลเพิ่มเติม K-VIETNAM ได้ที่ https://kbank.co/3xfSDeR

– ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันอนาคต

– ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

#KVIETNAM #KAsset #TAMEIG #ทุกเรื่องที่นักลงทุนต้องรู้

Exit mobile version