ทำไมจังหวะนี้ ต้องมีหุ้นกัญชงปลายน้ำ?

มองเห็นอะไรในอุตสาหกรรมกัญชงปลายน้ำ

เมื่อปลายปี 2563 กฎหมายกัญชงถูกปลดล็อคให้เป็นพืชเสรี ต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2564 ได้มีการเปิดให้สามารถขอใบอนุญาตนำเข้าและปลูกได้ ขณะนี้อุตสาหกรรมกัญชงต้นน้ำและกลางน้ำในไทยเริ่มมีการปลูก และเซ็นสัญญากับอุตสาหกรรมปลายน้ำแล้ว คาดว่าจะเริ่มเห็นผลผลิตในต้นปี 2565 หุ้นกัญชงปลายน้ำจึงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างน่าจับตามอง แต่ราคาหุ้นเริ่มสะท้อนประเด็นเหล่านี้พอสมควร 

อุตสาหกรรมกัญชงปลายน้ำในไทย 

สำหรับกลุ่มที่มีธุรกิจหลักและมีฐานกำไรสูงอยู่แล้ว การเพิ่มผลิตภัณฑ์จากกัญชงเข้ามาอาจไม่ได้มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้ให้กับธุรกิจมากนัก แต่จะช่วยให้ธุรกิจยังโตต่อไปเรื่อย ๆ ในระดับ 10%-15%  อีกมุมหนึ่งถ้ากัญชงไปต่อไม่ได้ก็ไม่กระทบมากนักเช่นกัน เช่น โอสถสภา (OSP) 

กลุ่มที่ธุรกิจเติบโตเรื่อย ๆ ไม่หวือหวา กัญชงอาจเป็น New s-curve ทำให้ธุรกิจเติบโตได้ดียิ่งขึ้น แต่ถ้าไปต่อไม่ได้ก็ไม่เจ็บหนัก ซึ่งเป็นลักษณะของอุตสาหกรรมกัญชงในไทยตอนนี้ ที่ไม่ได้ลงทุนเยอะ ไม่ได้ปลูกเอง และใช้เครื่องจักรเดิมที่มีอยู่แล้ว อย่างเช่น  ดีโอดี ไบโอเทค  (DOD)  

โดยกัญชงเป็นพืชที่เหมาะแก่การปลูกในสภาพอากาศร้อนชื้นอย่างไทย และเกษตรกรรมในไทยที่ดีอยู่แล้ว อาจเห็นผลกำไรจากอุตสาหกรรมนี้ภายใน 5 ปี

ไกด์ไลน์นักลงทุน หุ้นที่เกี่ยวข้องที่น่าสนใจ 

อุตสาหกรรมกัญชงต้นน้ำอย่างอาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) และ โอดี ไบโอเทค  (DOD)  ถือว่าเป็นสองบริษัทที่มีพัฒนาการมากที่สุดเรื่องการสกัด CBD และ Hemp Seed Oil น่าจะเป็นผู้ประกอบการ  2 เจ้าแรกที่ผลิตสินค้าออกมาได้ก่อน 

สำหรับอุตสาหกรรมกัญชงปลายน้ำ ได้แก่ คาราบาวกรุ๊ป (CBG) โอสถสภา (OSP) อิชิตัน (ICHI) และอินเตอร์ ฟาร์มา (IP)  ซึ่ง RBF ก็ได้มีการเซ็นสัญญากับลูกค้าปลายน้ำอย่าง OSP ICHI IP แล้ว 

ที่ผ่านมา CBG และ OSP มักผลิตสินค้าที่ราคาจับต้องได้ ขณะที่ ICHI เป็นบริษัทที่มี Branding และ Marketing ดีและมีประสบการณ์ด้านเครื่องดื่มมาก่อนอย่างชาเขียวและ IP ที่เด่นเรื่องอาหารเสริมอยู่แล้ว อย่างในสหรัฐ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับสาร CBD ที่ใช้ทางการแพทย์ก็ถือเป็นหุ้นที่มีมูลค่ามากที่สุดในอุตสาหกรรมนี้