รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เริ่มต้นได้พูดถึงสถานการณ์ที่รัสเซียได้ถอยทัพออกจากกรุงเคียฟเอาไว้ว่า แม้ยังฟันธงไม่ได้ว่าสงครามกำลังจะจบ แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีจากการที่ผู้นำยูเครนได้ประกาศว่ายูเครนจะวางตัวเป็นกลาง ต้องดูกันต่อไปว่า สถานะความเป็นกลางในความหมายของผู้นำยูเครนนั้น เป็นความหมายเดียวกับท่านปูตินหรือไม่ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาว่า ความหมายของสถานะความเป็นกลางสำหรับประเทศยูเครนกับรัสเซียนั้นคืออะไร
ส่วนการที่จีนได้มีการประกาศล็อกดาวน์ในเมืองใหญ่นั้น มองว่าในช่วงที่ผ่านมามีหลายประเทศได้ให้ความสำคัญกับมาตรการโควิดเป็นศูนย์มาก และเหลือเพียงแต่ประเทศจีนประเทศเดียวที่ใช้มาตราการนี้อยู่ เป็นการใช้นโยบายแบบบนลงล่าง ถือป็นประเทศที่มีการจัดการที่เด็ดขาดที่รัฐบาลจีนได้สั่งให้มีการควบคุมกำกับทุกพื้นที่ทุกแห่งอย่างเคร่งครัด เพราะการเข้ามาของโควิดไม่ได้เข้ามาทางคนอย่างเดียว แต่มาทางสินค้าที่มาจากการขนส่งด้วย หากจีนได้รับผลกระทบจากโควิดมาก ๆ ในครั้งนี้ จีนจะยิ่งไม่ปล่อยให้คนเดินทางออกนอกประเทศ เท่ากับว่าหากขาดคนจีน เศรษฐกิจโลกก็จะไม่เดินไปด้วย
สำหรับผลกระทบจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ต่อการส่งออกไทยนั้น มองว่าผลไม้ไทย โดยเฉพาะทุเรียนกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ได้ถูกส่งออกไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ ขายให้ใครไม่เป็น คาดว่าน่าจะขายให้กับจีนได้สักประมาณ 1.3 ล้านตัน ในวันนี้ ไทยสามารถส่งออกทุเรียนได้เพียงวันละ 50 ตู้เท่านั้น ซึ่งกว่าจะใช้เวลาส่งออกหมดถือว่าใช้เวลานานอยู่พอสมควร ทำให้เกษตรกรโดยเฉพาะที่จังหวัดจันทบุรีเกิดความวิตกกังวล หากจะส่งออกทุเรียนไปยังประเทศอื่นนั้น คิดว่าหากจะส่งออกก็ต้องไปยังประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ส่วนอินเดียคนส่วนใหญ่ไม่ชอบกินทุเรียนอยู่แล้วและกังวลว่ากินแล้วจะเป็นโรคเบาหวานตามมาหรือเปล่า ส่วนประเทศในแถบตะวันออกกลาง ก็กินทุเรียนแต่ไม่ได้รับความนิยมมากนัก
สุดท้ายรองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ให้จับตาผลของสงครามเศรษฐกิจแม้ว่าจะจบลงแล้วก็ตาม ผลที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ ต้นทุนการผลิต ราคาน้ำมัน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ หากเป็นผู้ประกอบการแล้ว จะทำอย่างไรเมื่อประเทศไทยผลิตเก่ง แต่ขายไม่เก่ง แล้วผู้ประกอบการจะทำอย่างไรต่อไป จึงมีความจำเป็นที่ไทยจะต้องทำการบ้านเรื่องการตลาดให้มากขึ้นกว่าเดิม